Bookmark and Share

วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรื่องเกาหลีที่หลายคนอยากรู้

ประเทศเกาหลีเป็นคาบสมุทรที่ทอดตัวลงใต้จากศูนย์กลางชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปเอเชีย คาบสมุทรเกาหลีประกอบด้วยพื้นที่ประมาณ 220,000 ตารางกิโลเมตรกับเกาะใหญ่น้อยประมาณ 3,400 เกาะเรียงรายตลอดชายฝั่ง
ณ เวลานี้ประเทศเกาหลีเป็นประเทศเดียวในโลกที่ยังคงถูกแบ่งแยกตามภูมิศาสตร์และลัทธิการปกครอง มีประชากรทั้งหมดประมาณเจ็ดสิบล้านคนทั้งในประเทศเกาหลีเหนือและใต้ และไม่นานมานี้เองที่มีความก้าวหน้าที่เด่นชัดหลายประการในการร่วมมือและรวมประเทศเข้าด้วยกัน

คำว่า "เกาหลี" นี้ใช้อ้างอิงทั้งประเทศเกาหลีเหนือและใต้ ประเทศเกาหลีใต้ ณ ที่นี้ หมายถึงสาธารณรัฐเกาหลีซึ่งมีประชากร 48 ล้านคนในจำนวนนี้ 10 ล้านคนอาศัยอยู่ในกรุงโซลซึ่งเป็นเมืองหลวง กรุงโซลนั้นประการศักดาว่าเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน 600 ปี และในปี 1988 ก็มีชื่อเสียงไปทั่วโลกว่าเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่ 24 ประเทศเกาหลีเป็นเป้าแห่งความสนใจจากทั่วโลกอีกครั้งเมื่อได้เป็นเจ้าภาพร่วมกับประเทศญี่ปุ่นในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 2002

ประเทศเกาหลีมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงาม จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาชาวเกาหลีเองได้เรียกผืนแผ่นดินแห่งนี้ว่า คึมซูกังซาน (geumsugangsan) หรือ "ผืนพรมทองแห่งแม่น้ำและภูเขา" ความน่าพิศวงของผืนแผ่นดินนี้ถ่ายทอดผ่านแต่ละช่วงฤดูกาลด้วยทัศนียภาพที่แตกต่างกันไป ภูมิอากาศของเกาหลีซึ่งแบ่งออกเป็นฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวนั้นมีความแตกต่างกันมากทีเดียว คือช่วงฤดูหนาวโดยปกติจะกินเวลายาวนาน ฤดูร้อนสั้นกว่า และฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่สั้นที่สุด ช่วงเวลาฝนตกจะเป็นระหว่างฤดูร้อนในช่วงเดือนมิถุนายน

ชุดแต่งกายตามประเพณีของชาวเกาหลีคือ ฮันบก (Hanbok) ชุดที่ใช้แต่งกายในฤดูหนาวนั้นใช้ผ้าที่ทอจากฝ้ายและกางเกงยาวที่มีสายรัดที่ข้อเท้าซึ่งช่วยในการเก็บความร้อนของร่างกาย ในขณะที่ช่วงฤดูร้อนจะใช้ผ้าป่านลงแป้งแข็งหรือผ้ารามีซึ่งช่วยในการซึมซับและการแผ่ซ่านของความร้อนในร่างกายให้มากที่สุด

อาหารเกาหลีก็ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบรับกับภูมิอากาศ ในภูมิภาคที่ฤดูหนาวกินเวลานาน เทคนิคการถนอมอาหารพิเศษได้ถูกวิวัฒน์ขึ้นเพื่อเก็บรักษาวิตามินในสูตรอาหารประเภทผัก กิมจิเป็นตัวอย่างอันเป็นสัญลักษณ์ของอาหารหมักดอง ความจริงที่ว่ากิมจิจะมีรสเค็มขึ้นถ้าใครนำมันจากทางเหนือที่หนาวเย็นมาสู่ทางใต้ที่อบอุ่นกว่านั้นเป็นเกี่ยวข้องกันมากกับลักษณะของอากาศ

อิทธิพลของภูมิอากาศยังบ่งบอกถึงสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันของเกาหลี บ้านแบบเกาหลีจะมี ออนดอล (Ondol) ซึ่งทำปฏิกิริยาภายใต้พื้นเพื่อช่วยเพิ่มความร้อนฤดูหนาว และโดยทั่วไปบ้านจะมีหลังคาต่ำ มีห้องเล็กและผนังหนา มีหน้าต่างและประตูเปิดสู่ภายน้อยซึ่งมักจะทำเป็นสองชั้น บ้านเกาหลีโบราณจะมีห้องโถงเปิดพื้นเป็นไม้ซึ่งสมาชิกในครอบครัวจะใช้เวลาส่วนใหญ่ที่นี่ในช่วงฤดูร้อน ห้องสำหรับอยู่อาศัยนั้นโดยปกติจะอยู่กลางบ้านใหญ่ ห้องรับแขกจะอยู่อีกหลังต่างหาก ห้องครัวก็สร้างเป็นหลังต่างหากและถูกออกแบบให้ใช้งานได้หลายอย่างนอกจากการปรุงอาหารเพียงอย่างเดียว

เป็นเวลาไม่นานมานี้เองที่เศรษฐกิจของเกาหลีได้ถูกปฏิรูปไปเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ปี 1960 เกาหลีได้เปลี่ยนจากเศรษฐกิจแบบเกษตรกรรมเป็นแบบอุตสาหกรรมที่รุดหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการปฏิวัติแปรเปลี่ยนไป การส่งเสริมอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การต่อเรือ การคมนาคม และยานยนต์ซึ่งเป็นแบบอย่างของการพัฒนาประเทศไปทั่วโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการคมนาคมและสารสนเทศนั้นเกาหลีในวันนี้ยืนอยู่แถวหน้าของโลก

ชาวเกาหลีได้สร้างวัฒนธรรมที่โดดเด่นผ่านช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานและมรดกทางวัฒนธรรมอันเด่นเฉพาะตัวก็สามารถพบได้ตลอดคาบสมุทร ชาวเกาหลีให้คุณค่ากับการเรียนรู้และมีชื่อเสียงมากในการอุทิศตนและความมุมานะอุตสาหะ บางทีอาจเป็นเพราะลักษณะเหล่านี้ก็ได้ที่ทำให้พวกเขาสามารถใช้แรงกระตุ้นทางวัฒนธรรมซึ่งนำมาประยุกต์อย่างถี่ถ้วนกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ประวัติ อี จุนโฮ


อี จุนโฮ

วันเกิด : 25/01/1990
การศึกษา Ho Won University (Program acting Major)

ผลงาน

- 1 ในสมาชิกวง 2PM
 
 อี จุนโฮ เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2533 ที่เมืองอิลซัน ประเทศเกาหลีใต้ เขานับถือศาสนาคริสต์ เป็นนักร้องและนักเต้นของวง จบชั้นมัธยมปลายจากโรงเรียนเซวอน ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่อยู่ชั้นปีที่ 2 (พ.ศ. 2552) มหาวิทยาลัยโฮวอน คณะ Boardcasting & Entertainment เอก Program Acting Major เนื่องจากจุนโฮมีความสนใจในด้านการเต้นมาก เมื่อมีเวลาว่างจุนโฮดูดีโอเต้น ฟังเพลงและฝึกแต่งเพลงบ้าง เนื่องจากจุนโฮมีความสนใจในด้านการเต้นมาก และมีความสามารถในการเต้นแบบ Beat Box จนมีการตั้งฉายาเล่นๆว่า Justin Timberlake เมื่อมีเวลาว่างจุนโฮดูดีโอเต้น ฟังเพลงและฝึกแต่งเพลงบ้าง

จุนโฮนั้นมีหน้าตาละม้ายคล้ายกับอดีตศิลปินร่วมค่ายรุ่นพี่อย่างเรน จนมีบางคนตั้งฉายาอย่างไม่เป็นทางการให้จุนโฮว่า "เรนน้อย" นอกจากนี้ยังได้เซ็นสัญญากับบริษัทเจวายพีจากการที่เขาได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 ในการประกวดทักษะการเต้นและการร้องเพลงจากในรายการ Super Star Survival ปี 2006 ทางช่อง SBS และเริ่มฝึกงานที่ JYP หลังจากนั้น
ตำแหน่งในวง : ร้องหลัก (Vocalist)

Link : http://korea-center.blogspot.com/

Thanks for : http://th.wikipedia.org

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ประวัติ ลี ฮโยริ

Lee Hyori (ลี ฮโยริ)

ชื่อเล่น : Cho Ri

บ้านเกิด : Cheongwon, Chungcheongbuk-do, South Korea

ส่วนสูง / น้ำหนัก : 166 cm / 47 kg

กรุ๊ปเลือด : A Group

ศาสนา : คริสต์

การศึกษา : Gukmin University 2 ปี

ครอบครัว : แม่, พ่อ, พี่ชาย 1 คน, พี่สาว 1 คน

ความใฝ่ฝันในวัยเด็ก : อยากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ความสามารถพิเศษ : วาดรูป , การแสดง

ชอบส่วนไหนที่สุดในร่างกาย : ผม

ชายในฝัน : ต้องเป็นคนที่ฉันเห็นครั้งแรกแล้วรู้สึกประทับใจ ถ้าได้แบบ Park Shin Yang ก็ดีเลย!

คติพจน์ : ทำให้ดีที่สุด แล้วเราจะทำได้ในทุกๆสิ่ง

สิ่งที่มีค่ามากที่สุด : ครอบครัว

รักแรก : เกิดขึ้นตอนที่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา ชายคนนั้นชื่อว่า Park Rak Hyun

อาหารจานโปรด : ชอบทุกอย่าง แต่ถ้าให้พิเศษหน่อย จะต้องเป็นขนมปังกรอบโรยหน้าด้วยช็อกโกเลต

สีที่ชอบ : สีขาว

นักร้องในดวงใจ : Mariah Carey , Brandy

แนวเพลงที่ชอบ : Mostly Ballad และ R&B

เปิดตัวในปี : 1998

K Group : หัวหน้าวง Fin.K.L

เข้าวงการครั้งแรกในฐานะสมาชิกของ K-Pop วง Fin.K.L

สังกัด : M-Net Media Entertainment
 

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ประวัติ Lee Min Ho (ลี มินโฮ)


Lee Min Ho (ลี มินโฮ)  
วันเกิด : 22/06/1987

การศึกษา: มหาวิทยาลัย คอนกุ๊ก (Konkuk University)

ครอบครัว: พ่อ,แม่,พี่สาว

ลีมินโฮ เริ่มงานในวงการบันเทิงเกาหลีด้วยการเป็นนายแบบ ก่อนที่จะหันมาเป็นนักแสดง ในปี 2005 กับละครทางสถานีโทรทัศน์ เอ็มบีซีของเกาหลีใต้(MBC) ด้วยบทเล็กๆ ในละครเรื่อง Love Hymm จากนั้นก็เล่นละครเรื่อยมา จนเมื่อเขาได้รับเลือกให้แสดงนำในละครเรื่อง Boys Over Flowers ในปี 2008 โดยเขารับบทเป็นหัวหน้าของ F4 ที่ในเวอร์ชั่นเกาหลีมีชื่อว่า "คูจุนพโย" และในเรื่องนี้เองก็ได้ส่งให้ มินโฮ กลายเป็นดาราที่ดังในชั่วข้ามคืน

ละครโทรทัศน์
 - Boys Over Flowers (2009)

- But I don't know too (2008)

- I Am Sam (2007)

- Mackerel Run (2007)

- Secret Campus (2006)

- Love Hymn (2005)

ภาพยนต์

- Our School's E.T. (2008)

- Public Enemy Returns (2008)

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เกิร์ลกรุ๊ปสุดฮอตของเกาหลี KARA

KARA (คารา) เกิร์ลกรุ๊ปสุดฮอตของเกาหลี มีสมาชิก 5 คนประกอบไปด้วย ปาร์คคยูริ หัวหน้าวงผู้เข้มแข็ง ฮันซึงยอน สาวมั่นมากความสามารถ ที่พกพาความสดใสมาเต็มพิกัด จองนิโคล สาวน้อยจากแดนไกลที่แร๊พได้มันไม่แพ้ผู้ชาย คู ฮารา สาวช่างฝันที่ไม่ละความพยายาม คังจียอง สาวน้อยสุดน่ารัก ที่ใคร ๆ ได้รู้จักจะต้องตกหลุมรักในความน่าเอ็นดูของเธอ

วง KARA เดบิวต์ครั้งแรกในวันที่ 29 มีนาคม ปี 2007 กับงานเพลงอัลบั้มแรก Blooming ที่เป็นส่วนผสมของแนวเพลง Funk , Hip-hop , Dance และ Pop โดยส่ง 2 ซิงเกิ้ลสุดฮิต Break It และ If U Wanna ออกมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆให้กับวงการเพลงเกาหลี จนวัยรุ่นทั่วประเทศสามารถจดจำภาพลักษณ์ของวง KARA ได้เป็นอย่างดี กับความสดใสน่ารัก และโชว์ที่มีพลังของพวกเธอ จากนั้นก็กลับมาอีกครั้งกับสมาชิกใหม่ของวงใน 1st Mini Album Rock-Uที่บ่งบอกถึงความน่ารักสดใสของพวกเธอได้เป็นอย่างดี

ปลายปี 2008 KARA ก็ได้ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ที่สดใสกว่าเดิมด้วยการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสที่มาพร้อมกับมินิอัลบั้มชุดที่สอง Pretty Girl โดยส่งซิงเกิ้ลสุดฮอต Pretty Girl มาสร้างสีสันในช่วงปลายปีให้คึกคัก พร้อมกับพาให้ Pretty Girl ติดชาร์ตเพลงอันดับ 1 ของรายการเพลงชั้นนำของเกาหลี

ในปี 2009 KARA ก็กลับมากับภาพลักษณ์ใหม่อีกครั้งจากสาวน้อยที่สดใสกลายมาเป็นเทพธิดาสุดอ่อนหวาน ที่แปลงโฉมให้ทั้ง 5 สาวดูโตขึ้น สวยใสและบริสุทธิ์ กับซิงเกิ้ลใหม่ Honey และอัลบั้มล่าสุด KARA Revolution ที่ปรับโฉมของทั้ง 5 สาวให้เซ็กซี่ขึ้นอีกครั้ง

การเดินทางมาเยือนเมืองไทยครั้งนี้ของ 5 สาว KARA ก็เพื่อเข้าร่วมโชว์ฟรีคอนเสิร์ต ภายใต้ชื่อว่า "คอนเสิร์ตความสัมพันธ์ไทย - เกาหลี (Thai-Korea s Friends Concert)" ในงาน "มหกรรมอุตสาหกรรมบันเทิงไทย 2552 (Thailand Entertainment 2009)" ซึ่งจัดขึ้น ณ ลานพารค พารากอน เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา โดยสาวๆ ได้ขึ้นโชว์เพลงมัดใจแฟนๆ คามีเลีย ได้อยู่หมัด

เนื่องในโอกาสที่พวกเธอเดินทางมาเยือนเมืองไทยเป็นครั้งแรก สาวๆ ก็ไม่พลาดที่จะเปิดตัวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนชาวไทย โดยจัดขึ้น ณ ห้อง S Club สยามเซ็นเตอร์ ในเวลา 17.15 น. ก่อนที่สาวๆ จะเตรียมตัวโชว์คอนเสิร์ตในเวลาต่อมา ซึ่งสาวๆ วง KARA พกความสดใสมาเต็มพิกัดเรียกได้ว่ากวาดรอยยิ้มของทุกคนๆ ที่อยู่ในงานนี้ได้เลย ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับสาวๆ วงนี้กันดีกว่า
 
Link ; http://korea-center.blogspot.com/
 
Thanks for : http://jkdramas.com/

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อัพเดทแต่งหน้า เทรนด์เกาหลี สวยใสสุดๆ

อัพเดทแต่งหน้า เทรนด์เกาหลี

วินาทีนี้ เทรนด์ตาคม กลมโต เด่นเด้ง สไตล์สาวเกาหลี กำลังมาแรงสุดๆ ตามกระแสฮิตของซีรีส์ แดนกิมจิ อยากสวยใสคิกขุแบบสาวเกาหลีโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม มีเทคนิคง่ายๆจาก “โคว จาอิม” เมกอัพอาร์ตทิสต์ประจำแบรนด์ ETUDE HOUSE เครื่องสำอางชั้นนำสัญชาติเกาหลี มาอัพเดททันอกทันใจ

เคล็ดลับสำคัญของการแต่งหน้าให้ได้ลุคแบ๊วๆแบบสาวเกาหลี ต้องเน้นความเป็นธรรมชาติ ประเภทแต่งให้ดูเหมือนไม่ได้แต่ง โดยขั้นแรก เริ่มจากการเตรียมผิวหน้าให้เรียบเนียนด้วยการลงรองพื้น วิธีเลือกรองพื้นให้เหมาะกับผิวหน้า ควรใช้ 2 เฉดสีผสมกันให้เข้มกว่าสีผิวหน้าจริงหนึ่งโทน จะทำให้ได้ผิวหน้าที่เรียบเนียนดูธรรมชาติมากๆ ส่วนใครมีรอยแผลเป็น หรือรอยบวมใต้ตา แนะนำให้แต้มคอนซีลเลอร์ช่วยปกปิดความบกพร่อง โดยค่อยๆกดและเกลี่ยไปให้ทั่วบริเวณนั้นๆ

สาวไทยส่วนใหญ่จะมีโครงหน้าคล้ายกับสาวเกาหลี คือรูปหน้ากลม และจมูกค่อนข้างแบน ลักษณะแนวการลงแป้งและรองพื้น จึงควรเริ่มจากบริเวณทีโซน แล้วกระจายไปยังบริเวณกรอบหน้าด้านข้าง เพื่อเป็นการสร้างมิติให้ใบหน้า หลังจากลงรองพื้นเรียบร้อยแล้ว ควรลงแป้งฝุ่นทับทันที โดยเลือกใช้แป้งฝุ่นแบบโปร่งแสง และสีสว่างกว่าจริงเล็กน้อย แบบเดียวกับที่ดาราเกาหลีกำลังนิยม จะช่วยให้ใบหน้าไบรท์ขึ้นทันตาเห็น
การแต่งแต้มจุดเด่นบนใบหน้าก็เป็นขั้นตอนสำคัญ ควรเริ่มจากคิ้วเป็นจุดแรก โดยการแต่งคิ้วสไตล์เกาหลี จะเน้นรูปทรงธรรมชาติ ไม่เป็นเส้นเล็กหรือโค้งโก่ง เพราะทำให้ดูแก่กว่าวัย คิ้วรูปทรงตรงจะดูอ่อนวัยและเป็นธรรมชาติมากกว่า ขณะที่การเติมสีสันบนใบหน้า ควรเลือกสีอายแชโดว์ให้เข้ากับสีผิวหรือสีขนตาดำ โดยใช้ทั้งหมด 3 สี ไล่ตามเฉดโทนอ่อนสุดไปถึงเข้มสุด ถ้าอยากให้ตาสวยคมชัดขึ้น ต้องเขียนขอบตา และใส่ ขนตาปลอมเป็นช่อๆ

สำหรับแก้มและปาก การแต่งหน้าสไตล์กิมจิจะไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่ แค่ใช้บรัชออนสีชมพูหรือพีชอ่อนๆ และทาลิปกลอสใสๆปิดท้าย ก็ดูดีเข้าคอน-เซปต์แล้ว

Link : http://korea-center.blogspot.com/

Thanks for : http://women.mthai.com/

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ประวัติซีวอน รูปซีวอน ถูกใจคอเกาหลี ^-^

วันนี้มีรูปหนุ่มหล่อเกาหลีมาฝากทุกคนกันนะ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ซีวอน หนุ่มหล่อเกาหลีคนนี้ วันก่อนเราได้นำประวัติซีวอนมาฝากกันไปแล้ว วันนี้มาเต็มอิ่มกับรูปซีวอนกันนะคะ


ประวัติดารา รูปดารา ซีวอน

ประวัติดารา รูปดารา ซีวอน

ประวัติดารา รูปดารา ซีวอน

ประวัติดารา รูปดารา ซีวอน

ประวัติดารา รูปดารา ซีวอน

ประวัติดารา รูปดารา ซีวอน

หล่อทุละแป้งเลยจริงๆค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันสำคัญในเกาหลี ( น่ารักดีค่ะ )

คนไทยเองก็มีวันพิเศษมากมาย สงกรานต์ ปีใหม่ เข้าพรรษา ออกพรรษา และอีกมากมาย สงสัยเหลือเกินค่ะว่า คนเกาหลีนี้ เขาจะมีวันพิเศษของเขากันบ้างมั้ยน๊า

คนเกาหลีจะถือเอาวันที่ 14 ของทุกเดือนเป็นวันพิเศษ แต่ไม่ใช่วันหยุดนะ ไม่ต้องอิจฉากันค่ะ อิอิ  ดูแปลกดี เลยเอามาฝากกันค่ะ

14 มกราคม เป็นวัน Diary Day ซึ่งเป็นวันที่คู่รักจะมอบสมุดไดอารี่ให้แก่กัน ดูน่ารักโรแมนติกเลยทีเดียว คนไทยอย่างเราก็เลียนแบบได้นะคะ ไม่ว่ากัน

14 กุมภาพันธ์ เป็นวัน Valentine's Day วันแห่งความรักอย่างที่รู้ๆกันอยู่ใช่ล่ะค่ะ วันนี้คู่รักฝ่ายหญิงจะเป็นคนมอบช็อกโกแลตให้กับฝ่ายชาย (อ้าว ไหงงั้นล่ะ อิชั้นไม่ยอม 555)

14 มีนาคม เป็นวัน White Day วันนี้ฝ่ายชายจะมอบช็อกโกแลตคืนให้ฝ่ายหญิงละ ( อ่อ เริ่มยุติธรรมล่ะ)

14 เมษายน เป็นวัน Black Day เป็นวันสำหรับผู้ที่ยังไม่มีคนรักจะมารวมตัวกันเพื่อกินก๋วยเตี๋ยวเส้นสีดำด้วยกัน - -"(เหมาะกับเจ้ที่สุดเลยอ่ะวันนี้ -_-)

14 พฤษภาคม เป็นวัน Yellow Day วันสำหรับผู้ที่ยังไม่มีคนรักแล้วพลาดโอกาสไม่ทันได้กินก๋วยเตี๋ยวเส้นสีดำในวัน Black Day ( ยังคงตามมาหลอกหลอน) คนเหล่านี้ก็จะมารวมตัวกันกินข้าวราดแกง(คาดว่าน่าจะเป็นสีเหลืองนะ เลยเรียก Yellow Day) นอกจากนี้ยังเป็นวันที่คู่รักมอบดอกกุหลาบให้แก่กันอีกด้วย

14 มิถุนายน เป็นวัน Kiss Day วันที่คู่รักจุมพิตกัน เพื่อยืนยันความรักที่มีต่อกัน

14 กรกฏาคม เป็นวัน Silver Day วันที่คู่รักแลกแหวนเงินกัน เพื่อเป็นสัญญาแห่งอนาคต

14 สิงหาคม เป็นวัน Music Day วันที่คู่รักมอบเทปเพลงรักให้กันและกัน

14 กันยายน เป็นวัน Photo Day วันที่คู่รักถ่ายภาพร่วมกัน เพื่อเป็นที่ระลึกถึงความรักของตน

14 ตุลาคม เป็นวัน Wine Day วันที่คู่รักดื่มไวท์ด้วยกัน

14 พฤศจิกายน เป็นวัน Hug Day วันที่คู่รักแสดงความรักด้วยการกอดกัน นอกจากนี้ยังเป็นวัน Movie Day อีกด้วยหรือวันที่คู่รักจูงมือพากันไปดูหนังอีกด้วย

14 ธันวาคม Money Day วันที่คู่รักใช้เงินซื้อของหรือใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยให้กับคนรักของตน

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ซื้ออะไรดี ถ้าไปเกาหลี

สวัสดีค่ะชาว blog : Korea-center ทุกคน รู้มั้ยเอ่ย ว่าคำถามยอดฮิตเมื่อคนเราจะเดินทางไปต่างประเทศคืออะไร ไม่ต้องสงสัยกันเลยค่ะ ทุกคนย่อมคิดว่า จะซื้ออะไรดีหนอ ใช่มั้ยล่ะค่ะ สำหรับวันนี้เราจึงมีข้อมูลสุดฮอต ซื้ออะไรดี ถ้าไปเกาหลี มาฝากกันค่ะ เผื่อหนุ่มๆสาวๆคนไหนชีพจรลงเท้า มีโอกาสเดินทางไปเกาหลีกัน จะได้ไม่ต้องคิดมาก ปริ๊นท์ลิสต์นี้ไป รับรองสบายหายห่วงค่ะ




1. เครื่องสำอางแบรนด์เกาหลี อันนี้เป็นสิ่งแรกที่คิดได้เลยละคะ คนไทยส่วนใหญ่ก็อุดหนุนเครื่องสำอางเกาหลีกันอยู่แล้ว ถ้ามีโอกาสเยือนเกาหลีทั้งทีมีหรือจะพลาด!!! ซื้อฝากตัวเอง ซื้อฝากเพื่อน ซื้อฝากแฟน ก็เก๋ๆกันไป สำหรับราคาบางยี่ห้อถูกกว่าที่ไทยเกือบครึ่งเลยทีเดียว แบรนด์อะไรกันบ้างลองเลือกดูเลยค่ะ ถูกใจแบรนด์ไหนก็ซื้อโลดเลยจ้า Skin food, Etude, The face shop, Laneige, และอีกมากมาย

2. เสื้อผ้าเด็กเกาหลี อันนี้ขอบอกว่าน่ารักมากๆ จะเห็นได้ว่าเสื้อผ้าเกาหลีของเราๆก็น่ารักซะไม่มี ยิ่งเป็นเสื้อผ้าเด็กสไตล์เกาหลีแล้วล่ะก้อ น่ารักสุดๆ ขอแนะนำซื้อช่วงลดราคาค่ะ จะได้ของน่ารักแต่ราคาถูก ถูกใจสาวนักช็อปแน่นอน

3. ส่าหร่าย สาหร่ายแห้งของทานง่าย ซื้อฝากใครก็อร่อย กรุบกรอบ เก็บไว้ได้นาน ที่สำคัญ ไม่หนัก ขนง่ายค่ะ

4. พริกแดงเกาหลี เผื่อพ่อบ้านแม่บ้านท่านไหน อยากจะลองทำกิมจิทานดู หลังจากไปเยือนแดนกิมจิมา ก็ซื้อมาได้ไม่ว่ากัน แต่แอบบอกนะคะ ว่าที่ไทยก็มีขายค่ะ แต่ถ้าใครรู้สึกว่าดูไม่อินเตอร์ก็ขนมาจากเกาหลีก็ได้ไม่ว่ากัน

5. เห็ดแห้ง ที่เกาหลีมีสารพัดเห็ดค่ะ สาวๆหนุ่มๆท่านไหน ที่ชอบทานเห็ดก็หาซื้อกันได้ไม่ยากค่ะ

6. โสมเกาหลี ของฝากคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย บำรุงกันได้เต็มที่เลยค่ะ

7. กิมจิ มาเยือนแดนกิมจะซักที จะไม่หยิบติดไม้ติดมือมาก็กระไรอยู่ใช่มั้ยล่ะค่ะ ที่โน่นมีให้เลือกหลายแบบ หลายยี่ห้อ อย่าลืมกันล่ะค่ะ

8. ช้อนและตะเกียบ ก็เป็นของฝากแนวของที่ระลึกนะคะ ใครสนใจของพวกนี้ก็หาซื้อมาฝากเพื่อนๆได้ค่ะ

9. ขนมขบเคี้ยว หรือ ช็อคโกแลตต่างๆ ก็เป็นของฝากที่นักท่องเที่ยวที่ไปเกาหลีนิยมซื้อกันเช่นกันค่ะ

10. เสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลี สุดท้าย ท้ายสุด สำหรับสาวนักช็อปที่ชอบแต่งตัวสไตล์เกาหลี ก็อย่าพลาดอัพเดทเทรนด์ให้สวยเด้งกันไปเลยค่ะ

ใครมีโอกาสได้ไปก็อย่าลืมเอาลิสต์นี้ไปด้วยนะคะ รับรองได้ของฝากถูกใจกันอย่างแน่นอนค่ะ

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลี


วันนี้มาพบกับ เสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลี หลากสีหลากสไตล์ที่อยากนำมาฝากกัน ลองเอาไปประยุกต์ใช้กันนะคะ จะได้สวยกันทั่วหน้า เทรนด์เกาหลีมาแรงค่ะ





สวยๆเก๋ๆกันปายยยยยยยยยย !!!

วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรียนรู้ภาษาเกาหลี

ความรู้น่าอ่าน รู้ไว้ก็ดี เอามาฝากน้องๆ yenta4.com ต่อจากภาษาญี่ปุ่นที่เอามาฝากกันก่อนหน้านี้ แล้วก็ตามมาด้วยภาษาเกาหลีง่ายๆ ควรรู้ แยกเป็นหมวดๆ ไว้ให้ด้วย.. เผื่อจะมีน้องๆ หนูๆ คนไหน สนใจไปสวัสดี โคเรีย ไงจ๊า ..

สวัสดี อันย้ง ฮาเซโย

คุณสบายดี หรือเปล่า

ชออึม เป็บ เกสซอโย

ยินดีที่ได้รู้จัก

มันนาซอ พัน กาวอโย

กรุณาช่วย ดิฉัน/ผม โทวาจูเซโย

ขอบคุณ คัมซา ฮัมนีดา

ยินดีต้อนรับ ชนมาเนโย

ผม/ดิฉัน เสียใจ มีอัน ฮัมนีดา

ขอโทษ ชิลเล ฮัมนีดา

ลาก่อน อันย้งฮี กาเซโย

การถามทาง

ช่วยกรุณาบอกทางไป... ...คานึน คีรึล คารึชอ จูเซโย

...อยู่ที่ไหน? ...อีออดิ อิสซึมนีก้ะ

กรุณาจอดตรงนี้ ยอกีซอ เซวอ จูเซโย

...อยู่ไกลแค่ไหน? ...ก้าจิ ออลมสนา มอมนิก้า

รถคันนี้ไป...หรือไม่? อี บอซึ...คัมนีก้า?

ช็อปปิ้ง

ขอดูอันนี้หน่อย ค่ะ/ครับ อีกอซึล โพยอจูเซโย

ราคาเท่าไร คีอกอซึน ออลมาอิมนีก้า

คุณรับบัตรเครดิตมั้ย ซินยงกาดิ พัทซึมนิก้า
เบ็ดเตล็ด

ศูนย์รับแจ้งของหาย พุนชิลมุลโพกวันโซ

สถานีตำรวจ เคียงชัลซอ

โรงพยาบาล เพียงวอน

สุขา ฮวาจังชิล

ร้านค้าขายยา ยักกุก

โรงแรม ยอกวัน

ตลาด ซิจัง

ร้านอาหาร ซิกดัง

รถไฟฟ้าใต้ดิน ชีฮาชอล

สถานีรถไฟ กิชายก


Link ; http://korea-center.blogspot.com

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ชุดประจำชาติ วัฒนธรรมเกาหลี การแต่งกายดาราเกาหลี

เวลานั่งอ่านประวัติเรื่องแฟชั่น การแต่งกาย แบบเสื้อผ้า ชุดประจำชาติ ของแต่ละประเทศ แล้วค่อยๆ มาวิเคราะห์ดู เรามักค้นพบว่า โครงสร้างและส่วนประกอบ ของชุดแต่ละแห่ง มันล้วนสะท้อนถึง วัฒนธรรม และลักษณะภูมิประเทศ และสภาพอากาศ อุณหภูมิโดยปกติของแต่ละที่ ที่ประชากรของประเทศนั้นๆ อยู่อาศัยกัน

ประเทศไหน จะเก่าแก่เพียงใด ชุดประจำชาติ ของประเทศนั้นๆ ย่อมแตกต่างไปจาก ชุดที่ใส่ปกติ อย่างมากๆ ด้วยกันทั้งนั้น และการแต่งกาย ด้วยชุดประจำชาติ ของแต่ละประเทศ ก็มักถูกเรียกใช้น้อยลงๆ เปลี่ยนไปตามความเจริญทางเศรษฐกิจ และชีวิตการแข่งขันของสังคมรีบร้อนเสมอ แต่กระนั้นเจ้า ชุดสำคัญพวกนี้ จะแสดงความยิ่งใหญ่บอกฐานะของคนใส่อีกหน ในเวลาและโอกาศที่สำคัญเช่น วันปีใหม่ วันแต่งงาน ของชาตินั้น ความเรียบง่าย พิถีพิถันมากน้อยเพียงใด อย่างหนึ่งที่สะท้อนเต็ม อาจมองจาก จำนวนส่วนประกอบ ความอลังการณ์ในการประดับ ตกแต่งของชุด อายุมากๆ เป็นต้น

เดี๋ยวนี้ประเทศเกาหลี มีความเจริญและเป็นศูนย์กลาง เรื่อง Entertainment Media Center ที่บุกตลาดเอเซียแบบ เต็มสปีด ไม่ว่า ละครซีรีย์เกาหลี เพลง และเกมส์โชว เราได้เห็นดาราเกาหลีมากหน้า บินมาทำงานโฆษณามากชิ้น และเปิดคอนเสิทต์ เก็บตังกลับบ้านไป เลยทำให้ สังคมประเทศรอบข้าง รับเอาวัฒนธรรม และความเข้าใจ ความเป็นเกาหลีกันไปเยอะเดี๋ยวนี้ เด็กประถม มัธยมรู้จักดาราเกาหลี ไม่น้อยไปกว่า ดาราไทยกันแล้วและ การแต่งกายของวัยรุ่นยุคใหม่ ก็ก็อปปี่แนว ของนักร้องคนโปรดของตน มาแบบค่ายไหนดัง ฉันใส่ตามเลยทีเดียว โดยพวกดาราเหล่าวนี้มักสร้าง จุดขายที่ไม่ซ้ำซากกันด้วย ทำให้การจับจ่าย เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย กับสังคมวัยรุ่นเปลี่ยนแปลงกันไปตามดาราดัง
ดาราเกาหลีในชุด ฮันบก ทั้งหมด คือ
Kim So Eun

Brown Eyed Girls

KARA

Wondergirls

See Ya

Girl’s Generation

แต่อย่างหนึ่งที่ ดาราเกาหลี ไม่ว่านักร้อง นักแสดง ที่ชาวไทยและประเทศใกล้เคียง มีกันในสายเลือด แม้วัยรุ่นจะติดงอมแงมคือ หยุดชุดเก่ง แล้วมาแต่งกาย ด้วยชุดฮันบก ชุดประจำชาติ เพื่อช่วยกันรักษาวัฒนธรรม หรือบอกเป็นนัยว่า แม้ตัวเองจะเป็นดาราเกาหลีที่ฮ็อตเหลือเกินในตอนนี้ แต่ก็ไม่ลืมความเป็นชาตินิยมของตน ใส่ฮันบกกันยกแก็ง มันเหมือนเป็น ชุดบังคับเวลา มีงานปีใหม่ ( Chuseok ) ของพวกเขา โดยทุกๆ ดาราเกาหลีดังๆ รวมญาติแต่งฮันบกกัน ไม่ต่างจาก การแต่งชุดไทย ซึ่งเป็นกันอัตโนมัติที่จังหวัด ลพบุรี บ้านเราเมื่อชาติต้องการ เออแล้วนี้ ดาราไทยจะรวมก้วน กันบ้างไหมหนอ….

Link : http://korea-center.blogspot.com/

Thanks for : http://www.paksuay.com/

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

จุดกำเนิดกระแสเกาหลี


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกระแสเกาหลี หรือที่รู้จักกันว่า ฮันยู๋ (Hallyu) เกิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1990 หมายความถึงกระแสความนิยมเกาหลีที่ค่อยๆ คืบคลานมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์ที่เหนือความคาดหมายของนักวิชาการหรือบรรดาสื่อมวลชน เพราะเป็นปรากฎการณ์ทางวัฒนธรรมข้ามชาติที่ข้ามพ้นอิทธิพลทางเศรษฐกิจการเมืองและสังคมของชาติมหาอำนาจ เช่น สหรัฐอเมริกา ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัฒน์ในโลกยุคดิจิตอล

กระแสเกาหลีเป็นเรื่องเกี่ยวกับความนิยมชมชอบทางวัฒนธรรมร่วมสมัยของเกาหลี (Korean Pop Culture) ที่ผ่านเข้ามาทั้งทางภาพยนตร์โทรทัศน์, ภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์, เพลงป๊อป รวม ไปถึงเหล่าดารานักร้องจากประเทศเกาหลี

ในปี ค.ศ.1999 Shiri เป็นภาพยนตร์เกาหลีเรื่องแรกที่สามารถสร้างความสำเร็จภายนอกประเทศทั้งในญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน นับเป็นก้าวแรกที่เกาหลีเิริ่มมีอิทธิพลในวงการบันเทิงของเอเชีย และสร้างกระแสเกาหลี หลังจากนั้นเกาหลียังผลิตภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน อาทิ JSA, Friend, Silmido และ Taegukgi

คลื่นกระแสเกาหลีที่โถมใส่เอเชียลูกต่อมา และสามารถรุกเข้ามาสู่ประเทศไทยได้ คือ ภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ หรือที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดีในชื่อ ซีรีส์เกาหลี นับแต่ละครเกาหลีเรื่องแรก Wish Upon a Star หรือ ลิขิตแห่งดวงดาว, รักนี้ชั่วนิรันดร์ หรือ Autumn in my heart , เพลงรักในสายลมหนาว Winter Love Song , แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง มาจนถึง Full House สะดุดรักที่พักใจ และ Princess Hours เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา กลายเป็นจุดที่สร้างอิทธิพลต่อความชื่นชมกระแสเกาหลี ทั้งในเนื้อเรื่อง วิวทิวทัศน์ และตัวพระเอก - นางเอก ที่เป็นคนเกาหลี ได้มากกว่าสื่ออื่นๆ ทั่วทั้งทวีปเอเชีย

ภาพยนตร์ชุด Winter Love Song ได้รับความนิมสูงสุดในกลุ่มของแม่บ้านญีุ่ปุ่นช่วงอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป และทำให้ดารานำแสดงฝ่ายชาย เบ ยอง จุน แจ้งเกิดในประเทศญี่ปุ่น มีการจัดนำเที่ยวตามรอยภาพยนตร์กันอย่างแพร่หลาย ขณะที่ แดจังกึม เรื่องราวตามเกร็ดประวัติศาสตร์เกาหลีเกี่ยวกับความสำเร็จของสตรีในยุคโชซอนประมาณ 500 ปีก่อน ซึ่งผู้ชายเป็นใหญ่ เธอสามารถเป็นหมอหลวงที่เป็นผู้หญิงคนแรกในวังหลวงได้ สร้างการเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมเกี่ยวกับอาหารเกาหลีและยาสมุนไพรไปทั่วเอเีีชีย นักท่องเที่ยวหลายคนอยากจะเดินทางมาท่องเที่ยวเกาหลีเพื่อจะได้มาดูฉากพระราชวังเคียงบกกุงในภาพยนตร์ดังกล่าว
ด้านวัฒนธรรมเพลง วงดนตรีเกาหลีเริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นในจีนและได้หวันนับตั้งแต่ปลายทศวรรษที่ 1990 สถานีโทรทัศน์ในเกาหลีไม่สามารถผลิตรายการดนตรีที่มีคุณภาพหรือมากพอเพื่อรับกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้ วงดนตรีเกาหลีจึงหันมารุกเข้าสู่ตลาดเอเชีย เพื่อสร้างวงดนตรีเกาหลีเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากวงดนตรีป๊อปจากตะวันตก หรือญีุ่ปุ่น

วงบอยแบนด์เกาหลียุคบุคเบิก H.O.T. ติดอันดับอัลบั้มขายดีในเอเชีย ตามด้วยศิลปินเพลงทั้งเป็นวงดนตรี และตัวบุคคล อาทิ NRG SES , Baby Vox , เรน มาถึงรุ่นใหม่อย่าง ดงบังชินกิ , ซูเปอร์จูเนียร์ (Super Junior) และ วันเดอร์เกิร์ล ( Wonder Girls ) ว่ากันว่า ความสำเร็จของวงบอยแบนด์หรือเกิร์ลแบนด์เกาหลี มาจากรูปร่างหน้าตาที่ดูสดใสและน่ารัก ดูเป็นเด็กสามารถเต้นรำได้เก่ง ขณะที่คุณภาพในการร้องกลายเป็นเรื่องรอง

กระแสเกาหลีที่สามารถแพร่ขยายไปทั่วทวีปเอเชียนั้ืน เกิดจากการดำเนินงานโดยภาครัฐเป็นผู้กำหนดแนวนโยบายและสนับสนุนเงินทุนในเบื้องต้น และขับเคลื่อนโดยภาคเอกชน

วัฒนธรรมเกาหลีถูกแทรกแซงโดยวัฒนธรรมตะวันตกหลังการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเกาหลี ช่วงปี ค.ศ. 1945-1980 เกาหลีได้สร้างวัฒนธรรมขึ้นใหม่เพื่อปกป้องตนเองจากวัฒนธรรมอเมริกัน โดยให้ความสำคัญกับการค้นหาตัวตนหรือเอกลักษณ์ของชาติและมรดกทางวัฒนธรรม รัฐบาลเป็นผู้ควบคุมและออกกฏระเบียบ วางรากฐานทางด้านกฏหมาย กองทุน สถาบันการศึกษา ต่อมาในช่วงปี ค.ศ. 1981-1992 รัฐบาลได้เพิ่มการส่งเสริมทางด้านศิลปะทั้งแบบดั้เงเดิมและร่วมสมัย พร้อมวางแนวนโยบายแผนหลักทางวัฒนธรรม 10 ปี โดยเน้นวัฒนธรรมเพื่อปวงชนทั้งมวล เมื่อเข้าสู่ปี ค.ศ. 1993 รัฐบาลเปลี่ยนบทบาทใหม่เป็นการส่งเสริมมากกว่าการควบคุม ด้วยเห็นว่าวัฒนธรรมสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ

จนถึงปี ค.ศ. 1998 รัฐบาลเกาหลีได้ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมมากยิ่งขึ้น โดยรวมเรียกว่าอุตสาหกรรมวัฒนธรรม ประกอบด้วยอุตสาหกรรมย่อย อาทิ ภาพยนตร์ เพลง วีดีโอ สิ่งพิมพ์ การกระจายเสียง การออกแบบ ตัวการ์ตูน ความบันเทิงที่ให้ความรู้ (Edutainment) และวางวิสัยทัศน์ทางวัฒนธรรมเข้าสู่สังคมดิจิตอล วัฒนธรรมในบริบทนี้จึงเป็นวัฒนธรรมที่หลากหลายและเป็นวัฒนธรรมในเชิงโลกาภิวัตน์ ส่งเสริมให้วัฒนธรรมเกาหลีสามารถแข่งขันได้ในกระแสโลกาภิวัตน์ โดยเชื่อว่า วัฒนธรรมเกาหลีมีเอกลักษณ์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในส่วนนี้

ในปี ค.ศ. 1999 รัฐบาลได้ออก พ.ร.บ. ส่งเสริมอุตสาหกรรมวัฒนธรรม ทำให้เกิดมีองค์การมหาชนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้ เช่น สถาบันส่งเสริมและพัฒนาเกาหลี เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีศูนย์วิจัยทางวัฒนธรรม สถาบันการศึกษาเทคโนโลยีทางวัฒนธรรม ความสำเร็จของอุตสาหกรรม วัฒนธรรม (Culture Content) เป็น 1 ใน 7 สาขาที่มีศักยภาพในการเติบโตในอีกสิบปีข้างหน้า โดยอยู่ในวิสัยทัศน์อุตสาหกรรมเกาหลี ปี ค.ศ. 2020 และประมาณว่าในปี ค.ศ. 2030 ประเทศเกาหลีจะสามารถส่งออกสินค้าทางวัฒนธรรมเป็นมูลค่ากว่า 13,761 ล้านเหรียญสหรัฐ และเกิดการจ้างงานประมาณ 1,604,888 คน

Link : http://korea-center.blogspot.com/

Appreciated for : http://www.kodhit.com/

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

มารยาทแบบเกาหลี


1. การทักทายและการบอก ขอบคุณ เป็นเรื่องสำคัญมากของคนเกาหลี คนเกาหลีมักกล่าวคำทักทายและขอบคุณพร้อมก้มหัวคำนับเสมอ โค้งต่ำระดับไหนนั้นขึ้นอยู่กับความอาวุโสของผู้พูดทั้ง 2 ฝ่าย

2. คนเกาหลีไม่นิยมการแสดงออกโดยเปิดเผยและมักจะจำกัดการถูกเนื้อต้องตัวเพียงแค่การจับมือทักทายกันอย่างสุภาพ อย่างไรก็ตามถ้ารู้จักคนเกาหลีดีขึ้นจะเกิดความคุ้นเคยกันเพิ่มขึ้น ชาวต่างชาติอาจแปลกใจที่เป็นผู้ชายโดยเฉพาะชายหนุ่มเดินตามถนนจับมือโอบไหล่กัน หรือผู้หญิงเดินจับมือกันการสัมผัสร่างกายเพื่อนสนิทขณะที่คุยกันถือว่ายอมรับกันได้ในประเทศเกาหลี แต่การแสดงความรักระหว่างเพศในที่สาธารณะ เช่น กอดและจูบถือว่าไม่สมควร

3. สุขาสาธารณะสะอาดมีอยู่ทั่วประเทศเกาหลี และสามารถใช้ห้องสุขาในอาคารสำนักงาน โรงแรม ร้านค้า หรือภัตตาคาร
4. ตามประเพณีดั้งเดิมคนเกาหลีนั่งรับประทาน และนอนบนพื้น ดังนั้น จึงควรถอดรองเท้าเสมอ ก่อนเข้าบ้านของคนเกาหลี เมื่อท่านไปเยี่ยมครอบครัวคนเกาหลีที่บ้านท่านควรสวมถุงเท้าหรือถุงน่อง เพราะการนั่งเท้าเปล่าต่อหน้าผู้มีอายุสูงกว่าถือว่าไม่สุภาพ

5. คนเกาหลีไม่ค่อยนิยม แชร์ค่าอาหารกัน ยกเว้นในกรณีพิเศษ ท่านควรเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ที่จะเป็นเจ้าภาพหรือไม่ก็เป็นแขก

6. ตามประเพณีการพูดคุยกันระหว่างมื้ออาหารมากเกินไปถือว่าไม่สุภาพ คนเกาหลีน้อมรับคำชมเกี่ยวกับรสชาติอาหาร และการบริการ การสั่งน้ำมูกในโต๊ะอาหารถือว่าไม่สุภาพ
 
Link : http://korea-center.blogspot.com/
 
Appreciated for : http://www.linethaitravel.com

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

จะซื้ออะไรดี เมื่อไปทัวร์เกาหลี



เครื่องจักสานที่ทำจากไม้ไผ่


ฝีมือและคุณภาพที่ เกาหลี นี่แข่งขันกับอันไหนที่ว่าดีที่สุดในโลกได้เลย นักเดินทางจะตื่นตากับผลิตภัณฑ์นานาชนิดที่ทำจากไม้ไผ่ เช่น หวี เตียงนอน เก้าอี้ หมอน และ "เมียไม้ไผ่" ที่น่าสนใจคือความหมายพื้นฐานของการอยู่อย่างร่มเย็นภายใต้เปลวแดดแห่งฤดูร้อน ทัมยาง ในชอลลานัมโดเป็นที่ซึ่งขึ้นชื่อมากที่สุดในด้านผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่

เสื้อผ้าต่างๆ

นักท่องเที่ยวที่มา เกาหลี สามารถซื้อหาเครื่องแต่งกายคุณภาพสูง ที่เย็บด้วยมือและชุดแต่งกายต่างๆ ที่ทำจากวัสดุนานาชนิดและสีสันต่างๆ รวมทั้งผ้าไหมอันสวยงามในราคาที่ถูกอย่างน่าอัศจรรย์ เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ทำใน เกาหลี อยู่ในรายการช็อปปิ้งอันดับต้นๆเสมอ

เครื่องหนัง

ผลิตภัณฑ์จากหนังในสีสันและรูปแบบต่างๆมีให้นักท่องเที่ยวได้เลือก เสื้อโค้ตและแจ็กเก็ตซื้อได้ในราคาต่ำเช่นเดียวกับสินค้าเครื่องหนังอื่นๆเช่นเข็มขัด รองเท้า และกระเป๋าสตางค์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหนังปลาไหลเป็นหนึ่งในสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของ เกาหลี
ผลิตภัณฑ์ขนเฟอร์

เป็นที่รู้จักทั่วโลกว่า เกาหลี เป็นแหล่งใหม่ล่าสุดในการเลือกซื้อสินค้าชนิดนี้ ผู้คนมากมายมาที่ เกาหลี เพื่อจะมาซื้อสินค้าเหล่านี้เท่านั้น ราคาของผลิตภัณฑ์ขนเฟอร์ที่ร้านปลอดภาษีถูกเสียจนเหลือเงินไว้เพื่อจ่ายเป็นค่าเดินทางได้ นักช็อปเลือกซื้อขนเฟอร์ในราคาที่ต่อรองกันได้ในตลาดที่ขายของอย่างนี้โดยเฉพาะ หรือที่ร้านต่างๆในช่วงนอกฤดูกาล ประมาณฤดูร้อน

เครื่องไฟฟ้า

เครื่องไฟฟ้ากำลังกลายเป็นผลิตภัณฑ์หลักเพื่อการส่งออกของประเทศ เกสหลี และผู้บริโภคจะสามารถเลือกได้ในหลายระดับราคาและคุณภาพ มีจำหน่ายทั่วไปที่ห้างสรรพสินค้า ร้านขายเครื่องไฟฟ้าหรือตลาดเครื่องไฟฟ้า ตามร้านต่างๆราคาตายตัวอย่างไรก็ตามส่วนลด 10-30% อาจจะได้รับโดยการเลือกซื้ออย่างสุขุมในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าบางแห่ง
โสม

ตำราทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์หยางของจีนกล่าวไว้ว่า โสมที่มีคุณภาพดีที่สุดอยู่ใน เกาหลี โสมของ เกาหลี ซึ่งมีชื่อระบือไปทั่วโลกในคุณภาพที่สูงเป็นพิเศษ สำหรับบำรุงพลังวังชาดั่งยาทิพย์เพาะปลูกได้ยากมาก ไม่เพียงแต่มันโตช้ามากๆ แต่พื้นที่ที่เคยใช้เพาะปลูกจะต้องถูกทิ้งไว้ถึง 15 ปีหลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์อาหารสมุนไพรต่างๆ เช่นชาโสม ผงโสมยอดนิยมหรือโสมสกัดเข้มข้นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการลด น้ำหนักของบรรดานักท่องเที่ยวที่คำนึงถึงสุขภาพ ยังมีสมุนไพรอีกถึง 3 พันชนิดที่เพาะปลูกบนพื้นที่ในส่วนของภูเขาบริเวณคังวอนโด ชุงชองโด และ ชอลลาโด

วัตถุโบราณที่จำลองขึ้นมาใหม่

สิ่งที่เป็นที่ต้องการกันมากคือพวกหีบไม้ ภาพวาดต่างๆ เครื่องปั้นดินเผาและงานประเภทโลหะในยุคอาณาจักรชิลลาและพวกกระเบื้องในสมัยราชวงศ์โชซอน การดูวิธีผลิตถือว่าน่าสนใจยิ่ง เพราะวิธีการผลิตของเหล่านี้นั้นได้ตกทอดตั้งแต่สมัยโบราณเป็นส่วนใหญ่

กิมจิ

กิมจิเป็นหนึ่งในอาหารดั้งเดิมของ เกาหลี ที่เป็นที่รู้จักกันดี มีกิมจิอย่างน้อย 40 อย่างซึ่งเป็นส่วนผสมหมักและคลุกเคล้าของกะหล่ำปลีแดงหรือขาวกับผงพริกป่น ต้นหอม เกลือ และกระเทียม รสชาติอาจจะร้อนแรงสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน เกาหลี แต่ กิมจิ ก็ได้รับการกล่าวขานว่า 30% ของยอดจำหน่ายทั้งหมดเป็นการซื้อโดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาใน เกาหลี พบได้ทั่วไปตามตลาดหรือห้างสรรพสินค้า ยิ่งกว่านั้นยังมีพิพิธภัณฑ์กิมจิ ซึ่งควรค่าแก่การเยี่ยมชม

Link : http://korea-center.blogspot.com/

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของ เกาหลี

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของ เกาหลี



SEOUL

กรุงโซล (เซอูล) เมืองหลวงอายุมากกว่า 600 ปี ที่อนุรักษ์ความเก่าแก่โบราณให้กลมกลืนกับความทันสมัย ศูนย์กลางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม ถูกโอบร้อมด้วยภูเขาและมีแม่น้ำฮันคัง - สายโลหิตของชาวเมือง ไหลผ่านใจกลางเมืองและสวรรค์สำหรับนักช้อปปิ้ง มีประชากรราว 14 ล้านคน

1. KYONGBOK PALACE - NATIONAL FOLKLORE MUSEUM - PASSBY THE PRESIDENTIAL PALACE, BLUE HOUSEพระราชวังเคียงบ๊อก พิพิธภัณท์พื้นบ้าน แวะผผ่านชมบ้านประธานาธิบดี พระราชวังเคียงบ๊อก สร้างขึ้นในปี ค. ศ. 1394 สมัยราชวงศ์โซซอน เป็นศูนย์บัญชาการและที่ประทับของกษัตริย์ เมื่อสมัย 600 ปีก่อน เยี่ยมชมท้องพระโรง พลับพลากลางน้ำ ภายในพระราชวังมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ที่จำลองชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมของชนชาติเกาหลี ในอดีตตลอดจนผ่านชมทำเนียบและบ้านประธานาธิบดีคนปัจจุบัน

2. SEOUL TOWER (CABLE CAR + LIFT) สวนสาธารณะนัมซานและหอคอยกรุงโซล นั่งกระเช้าไฟฟ้าสู่สวนสาธารณะนัมซานซึ่งตั้งอยู่บนเขานัมซานใจกลางเมืองหลวง ชมทัศนียภาพอันงดงามของกรุงโซล บนหอคอยกรุงโซล 1 ใน 10 หอคอยเมืองที่สูงที่สุดในโลก สูงถึง 480 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล

3. CHOGYESA TEMPLE วัดโซเกซา สร้างขึ้นในปี 1910 เป็นวัดใหญ่เพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง และในปี 1936 ได้กลายเป็นวัดศูนย์กลางพุทธศาสนานิกายโซเก นิกายที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี ภายในศาลาจะเป็นที่ตั้งขององค์พระประธาน และพระพุทธรูปน้อยใหญ่ ภายในวัดยังมีต้นสนที่นำมาจากเมืองจีน ซึ่งมีอายุกว่า 500 ปี ใกล้ ๆ กับวัด มีร้านสังฆภัณฑ์มากมายตั้งอยู่

4. HAN-GANG RIVER CRUISE ล่องแม่น้ำฮัน แม่น้ำฮัน เป็นเม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ตลอดความยาว 15 กม. ที่เรือเล่น จากท่าเรือชัมชิลหรือยอ-อิ-โด สองข้างทางแม่น้ำฮัน จะขนาบด้วยถนน สวนสาธารณะอนุเสาวรีย์ ตึกรามบ้านช่องทั้งแบบดั้งเดิมและทันสมัยความใสสะอาดของแม่น้ำฮัน

5. OLYMPIC STADIEUM สนามกีฬาโอลิมปิค ชมความยิ่งใหญ่ของสนามกีฬาโอลิมปิคซึ่งประเทศเกาหลีใต้ได้รับเกรียติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิคครั้งที่ 24 เมื่อ ปี ค.ศ.1988 สนามแห่งนี้สามารถจุผู้ชมได้ถึงหนึ่งแสนคน และยังได้รับคัดเลือกให้ใช้ในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ในปี ค.ศ. 2002 ซึ่งประเทศเกาหลีและประเทศญี่ปุ่นร่วมกันเป็นเจ้าภาพ

6. WAR MEMORIAL พิพิธภัณฑ์สงคราม แวะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สงคราม ที่เปิดเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อระลึกถึงผู้คนและทหารหาญ ที่ได้ช่วยปกป้องประเทศเกาหลีในช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเพื่อสอนให้ผู้คนในปัจจุบันได้เรียนรู้ถึงบทเรียนอันเจ็บปวดที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก ท่านจะได้ถ่ายรูปกับเครื่องบิน รถถัง ตลอดจนยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่นำมาจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเกาหลีในปี 1950

7. PONGUNSA TEMPLE วัดพงเอินซา นำท่านนมัสการ วัดใหญ่- พงเอินซา วัดอันเก่าแก่ของชาวเกาหลี ชมความงดงามของศิลปะและสถาปัตยกรรมและนมัสการพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ พร้อมนมัสการเจ้าแม่กวนอิมองค์ยืนตระหง่านอยู่กลางแจ้ง

8. LOTTE WORLD ADVENTURE สวนสนุกล็อตเต้เวิลดิ์ นำท่านสู่ดินแดนแห่งความสนุกหฤหรรษ์และไฮเทคในรูปแบบใหม่ที่สวนสนุกล็อตเต้เวิลดิ์ สวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี สนุกสนานกับเครื่องเล่นหลากชนิดทั้งในร่มและกลางแจ้ง ไม่ว่าการผจญภัยกับโลกของซินเบต หอคอย โรงหนังสามมิติ ไวกิ้ง รถรางไฟฟ้า ชมความงามของสวนสนุกทั้งภายในและนอกอาคาร เกมส์การละเล่นต่าง ๆ ขบวนพาเหรด โชว์ต่าง ๆ ตลอดจนร้านขายอาหาร ร้านขายของที่ระลึกเฉพาะของสวนสนุกล็อตเต้เวิลดิ์

9. TONGDAEMUN MARKET ตลาดทงแดมุน ตั้งอยู่ใกล้ประตูเมืองตะวันออก เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของกรุงโซลและยอดฮิตที่สุด แหล่งรวมเสื้อผ้า ผ้าพันคอ เนคไท ถุงเท้า ถุงน่อง ชุดสูท ผ้าชิ้น อุปกรณ์กีฬา กิ๊ฟช้อป สินค้าพื้นเมือง ในราคาขายส่งและปลีก

10. NAMDAEMUN MARKET ตลาดนัมแดมุน ตั้งอยู่ใกล้ประตูเมืองทิศใต้ ซึ่งเป็นประตูเมืองที่เก่าแก่ที่สุดตลาดพื้นเมืองอีกแห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ร้านอาหารเป็นต้น และร้านรวงต่าง ๆ ยังเปิดบริการเที่ยงคืนให้ ผู้ไม่มีเวลาระหว่างวันได้มาเลือกซื้อของ

11. ITAEWON STREET ถนนอีแทวอน เที่ยวเขตท่องเที่ยวพิเศษ - ถนนอีแทวอน ซึ่งเป็น 1 ในแหล่งช็อปปิ้งที่นักท่องเที่ยวหรือคนพื้นเมืองเองชื่นชอบมีร้านรวงกว่าพันร้านค้าตลอด ถนนที่ยาว 1.5 กม. มี สินค้าให้เลือกมายมาย โดยเฉพาะสินค้าเครื่องหนังที่ที่เลียนแบบยี่ห้อดัง ๆ จากทั่วโลก ในราคาน่าซื้อ ถือเป็นถนนนานาชาติ

12. INSADONG ย่านอินซาดอง ณ ย่านที่ได้ชื่อว่า " ถนนแห่งแอนติค " ค้นพบความเก่าแก่ที่ผสมอารยธรรมสมัยใหม่ในเมืองหลวง ร้านแกลอรี่ ร้านศิลปะพื้นเมือง ร้านขายวัตถุโบราณ ร้านอาหารพื้นเมืองที่เลื่องชื่อ ร้านชาพื้นเมือง โบราณที่มีชื่อเสียง ร้านสะสมแสตมป์ ร้านเซรามิค เป็นต้น

13. MYONGDONG ย่านเมียงดอง ถูกขนานนามว่า " ถนนแฟชั่นของเกาหลี " ทุก ๆ วัน จะมี ผู้คนมาที่นี่กว่า 1 ล้านคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หนุ่มสาว คนทำงาน เพื่อเลือกซื้อสินค้าและบริการที่ชื่นชอบ อาทิเช่น ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นบูติก ร้านรองเท้า ร้านทำผม ร้านคอสเมติก ร้านกาแฟ โรงหนัง และร้านอาหารนานาชนิด ไม่ไกลนักยังเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง

14. YONGSAN ELECTRONICS MARKET ตลาดไฟฟ้ายงซาน ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ใช้ภายในบ้านหรือแม้กระทั่งคอมพิวเตอร์ ก็สามารถหาซื้อได้ที่ นี่ ซึ่งมีร้านค้าคอยให้บริการมากกว่า 5,000 ร้าน มีขนาดใหญ่กว่าย่านอาคิฮาบาราของประเทศญี่ปุ่นเสียอีก

15. DEPARTMENT STORE ห้างสรรพสินค้า OR DUTY FREE SHOP ห้างหรือร้านค้าปลอดภาษี ห้างสรรพสินค้ามีอยู่ทั่วไป และร้านค้าปลอดภาษี อาทิเช่น ชิลล่าดิวตี้ฟรี ล๊อตเต้ดิวตี้ฟรี สนามบิน เป็นต้น

16. SHERATON WALKER HILL SHOW AND CASINO เชอราตัน วอกเกอร์ฮิล โชว์และคาสิโนแสดงอยู่ที่โรงแรมเชอราตัน วอกเกอร์ ฮิล เป็นประจำทุกวัน ในหอประชุมใหญ่ที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 700 คน โดยแสดงการร้อง การรำ ทั้งแบบในวังและพื้นเมืองที่หาดูได้ยากจากคณะนาฏศิลป์กรุงโซลและทอปเลคโชว์แบบลิโดหรือลาสเวกัสประกอบมายากล และอื่น ๆ อีกมากมายอย่างตระการตา ทั้งแสง สี เสียง ฉาก อย่างที่ประทับใจไม่รู้ลืม เพียงแห่งเดียวในเกาหลีหรือเสี่ยงโชคที่คาสิโน มีทั้งแบล์ค-เจต ลูเลต และอื่น ๆ ให้ท่านเลือกตามความชอบ ซี่งเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง

17. KOREA HOUSE บ้านวัฒนธรรมเกาหลี สถานที่ที่จัดแสดงวัฒนธรรมการร้อง รำ ทำเพลง ตลอดจนการแสดงระบำพื้นเมืองที่หากดูได้ยาก โดยจัดแสดงในบ้านแบบดั้งเดิมของเกาหลี

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

แฟชั่นสไตล์เกาหลี


แฟชั่นสไตล์เกาหลี

หากพูดถึงเรื่องแฟชั่นแล้ว ปัจจุบันนี้คงจะหนีไม่พ้นแฟชั่นที่มาแรงแซงทางโค้ง นั่นก็คือ "แฟชั่นสไตล์เกาหลี" กระแสนิยมที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน

แฟชั่นในยุคนี้ "เทรนด์เกาหลี" เริ่มเข้ามาในสังคมไทยเรามากสุด ๆ เมื่อพูดถึงคำ ๆ นี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักนะคะ กระแสที่มาแรงทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมทางด้านการบันเทิง ดารา นักร้อง ซีรี่ส์ต่าง ๆ ในด้านของภาษาก็เป็นที่นิยมไม่น้อยหน้ากันเลยทีเดียว เดี๋ยวนี้มีจำนวนนิสิตนักศึกษาไม่น้อยที่สนใจและเลือกเรียนภาษาเกาหลีมากขึ้น พวกเราเริ่มรู้จักวัฒนธรรมเกาหลีกันมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหารการกิน การทักทาย และแฟชั่นเสื้อผ้า เพราะว่าคนเกาหลีเน้นสวมเสื้อผ้าตามฤดูกาลแตกต่างกันไป แต่ละฤดูมีลักษณะการแต่งกายที่ไม่เหมือนกัน เช่น

ฤดูใบไม้ผลิ หรือที่ภาษาเกาหลีเรียกว่า "พม" ฤดูนี้เสื้อผ้าจะเน้นสีเสื้อผ้าที่ฉูดฉาด สดใส เสื้อผ้ามีหลากหลายสไตล์ด้วยกัน

ฤดูร้อน หรือที่ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ยอรึม" ในฤดูนี้เสื้อผ้าจะเน้นสีสดใสเช่นกัน แต่โทนสีอ่อนลงมากกว่า ลักษณะเสื้อผ้าจะเป็นเสื้อกล้าม เสื้อสายเดี่ยว กางเกงขาสั้น กางเกงสามส่วน เป็นต้น

ฤดูใบไม้ร่วง หรือที่ภาษาเกาหลีเรียกกันว่า "คาอึล" ในฤดูนี้เสื้อผ้าจะเน้นเสื้อผ้าสีทึบ ๆ มืด ๆ เช่น สีน้ำเงิน สีน้ำเงินเข้ม สีกรมท่า สีน้ำตาล

ฤดูหนาว หรือที่ภาษาเกาหลีเรียกกันว่า "คยออูล" ฤดูนี้เสื้อผ้าส่วนใหญ่เน้นสีดำเป็นหลัก เสื้อแขนยาวสีเข้ม เสื้อกันหนาวสีดำ เสื้อไหมพรมใส่คู่กับผ้าพันคอสีเข้ม ๆ

เสื้อสไตล์เกาหลี โดยส่วนใหญ่แล้วจะใส่เสื้อสองตัวซ้อนกัน เหตุเป็นเพราะว่าอากาศในประเทศเกาหลีค่อนข้างหนาวเย็น เพราะฉะนั้นจึงเน้นเสื้อตัวยาว ๆ โทนสีอาจตัดกันหรือเป็นโทนเดียวกัน ขึ้นอยู่กับความชอบ ส่วนกางเกง มักเป็นกางเกงประมาณเข่า มีผ้าผูกเอวประดับแทนเข็มขัด ในฤดูหนาวจะเป็นกางเกงขายาวแทน

สำหรับผู้หญิง ก็จะเป็นกระโปรง ส่วนใหญ่แล้วออกแนวหวาน ๆ น่ารัก ๆ หากเป็นกระโปรงสั้น นิยมใส่เล็กกิ้งไว้ด้านใน แต่ส่วนมากผู้หญิงเกาหลีนิยมใส่ชุดแซ็ก

รองเท้า ใส่รองเท้าส้นสูงเป็นหลัก หรือรองเท้าบู๊ต อาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศ ลักษณะสีสันออกโทนสีพื้น ๆ

เครื่องประดับ ส่วนใหญ่ใช้เพชรคริสตัลเป็นส่วนประกอบ ลักษณะเหมือนทองคำขาว เงิน ไม่นิยมนำทองมาเป็นส่วนประกอบนะคะ

ทรงผม เน้นความเป็นธรรมชาติ นิยมดัดเป็นลอน ๆ คลื่น ๆ ทำผมให้ดูยุ่ง ๆ เป็นธรรมชาติ ทรงนี้สามารถทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

เครื่องประดับผม ที่กำลังเป็นที่นิยมกันในตอนนี้ คือ "ที่คาดผมแบบทูอินวัน" (คาดหนึ่งอันแต่ดูเหมือนมีสองอัน) มีลักษณะแยกเป็นสองแฉกด้วยกัน มีสีสันสดใส มีลักษณะเป็นเพชร วับ ๆ หรือตามวัสดุที่ประดิษฐ์มา หรือเป็นกิ๊บติดผมแนวน่ารัก ๆ กุ๊กกิ๊ก

รวมไปถึง "แฟชั่นการแต่งหน้าแบบเกาหลี" ที่เป็นกระแสมาแรงสุด ๆ ในตอนนี้ การแต่งหน้าแบบเกาหลีจะเน้นแบบธรรมชาติเป็นหลัก การแต่งหน้าแบบนี้คนไทยเราก็กำลังฮิตกันมาก ๆ ลักษณะการแต่งหน้าแบบนี้ นอกจากจะดูสวยอย่างธรรมชาติแล้ว ยังให้ความรู้สึกที่สดใสอีกด้วย

คนเกาหลีเวลาแต่งหน้าจะเน้นที่ "ดวงตา" เป็นหลัก อาจเป็นเพราะว่าคนเกาหลีมีจุดอ่อนที่ตา หมายถึง ตาตี่ และมีชั้นเดียว สามารถลังเกตได้จากการที่คนเกาหลีทำศัลยกรรม ส่วนใหญ่แล้วคนเกาหลีเน้นทำตาสองชั้นเป็นหลัก แต่สำหรับคนที่ไม่ทำศัลยกรรมจะมีการแต่งดวงตาให้ดูคมชัดขึ้นและเป็นธรรมชาติ โดยเลือกสีอายแชโดว์ให้เข้ากับสีผิว หรือสีขนตา และควรใช้ประมาณ 3 สี โดยทาไล่ตามเฉดโทนอ่อนที่สุดไปจนถึงเข้มที่สุด และลงสีที่หนึ่งที่เป็นโทนสีอ่อนสุดบริเวณเปลือกตา ทาสีที่สองลงตรงบริเวณจุดกึ่งกลางของตา และเกลี่ยขึ้นข้างบน แล้วไล่สีที่สามจากหางตามาถึงบริเวณกึ่งกลางตาแล้วเกลี่ยขึ้น ลงสีที่เข้มที่สุดตามแนวชิดขอบตาอีกครั้ง และเกลี่ยให้เรียบเนียน

ถ้าอยากให้ดวงตาดูสวยคมชัดยิ่งขึ้น อย่าลืมเขียนขอบตาด้วย แต่ควรเป็นชนิดเค้กอายไลเนอร์ เพราะดูซอฟต์เป็นธรรมชาติมากกว่า และไม่ควรเขียนแบบตวัดปลายขึ้น เขียนสีดำเฉพาะขอบตาบนเท่านั้น ซึ่งจะลากให้เป็นเส้นเล็กที่สุดโดยแทรกเข้าไประหว่างขนตา ค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไป จากหัวตาจนถึงหางตาเท่า ๆ กัน และใช้แปรงเกลี่ยเพื่อไม่ให้เห็นเป็นเส้นขอบวาด ส่วนขอบตาล่าง ให้ใช้สีขาวเขียนที่ขอบตา โดยเขียนที่ขอบตาด้านใน อีกเทคนิคที่ทำให้ดวงตาดูมีเสน่ห์น่าค้นหามากยิ่งนั่นคือใส่ขนตาปลอม ซึ่งนิยมแซมขนตาแบบที่เป็นช่อ เพราะดูเป็นธรรมชาติมากกว่าเป็นแผง การดัดขนตาให้งอนเริ่มจากโคนไล่ขึ้นไปที่ปลายและปัดมาสคาร่าทั้งขนตาจริงขนตาปลอมพร้อมกัน วิธีนี้ทำให้ขนตาจริงกับขนตาปลอมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน ดูเป็นธรรมชาติ

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ทำไม? อะไรๆ ก็ต้อง...เกาหลี


ชั่วโมงนี้ปฏิเสธไม่ได้อะไร-อะไรก็เอาความเป็นเกาหลีขาย ร้านตัดผมเกาหลี โรงเรียนสอนเต้นท่าแบบศิลปินเกาหลี ร้านเสื้อผ้าเกาหลี บริษัททัวร์ก็ทัวร์เกาหลี รายการโทรทัศน์ก็เกาหลี น่าแปลกที่คำว่า "เกาหลี" ทำไมถึงไปผูกอยู่กับคำว่า เป็น แฟชั่น, ทันสมัย ฯลฯ

ทำไมเกาหลีประสบความสำเร็จในสินค้าทางด้านวัฒนธรรมป๊อป และลามไปตามสินค้าแฟชั่นต่างๆ ถึงขนาดนี้

"พูลพงศ์ สมิทธิ์ศราการย์" เจ้าของร้าน JNBY ซึ่งนำเข้าเสื้อผ้าจากเกาหลีในห้างดังอย่างสยามเซ็นเตอร์ ตอบแบบไม่ต้องคิดว่าเป็นเพราะความสำเร็จของศิลปินเป็นหลัก

ถ้าถามว่าอะไรเป็นแฟชั่นเกาหลี พูลพงศ์ว่านี่เป็นเรื่องที่ตอบยากเล็กน้อย แต่ที่แน่ๆ เอกลักษณ์สำคัญคือแฟชั่นเกาหลีนั้นจะเน้นรูปร่างหน่อย (ดังนั้นใครรูปร่างไม่ดี พูลพงศ์บอกว่าอย่าใส่เสื้อผ้าพวกนี้จะดีกว่า) คนใส่อาจใส่เสื้อผ้าไม่กี่ชิ้น แต่จะพยายามเล่นกับชิ้นงาน อย่างมีการติดเครื่องประดับ มีการทำให้ขาด และก็ไม่กลัวที่จะใส่สีตัดกัน

แต่ถ้าจะถามว่าเกาหลีเป็นผู้นำแฟชั่นไหม พูลพงศ์ส่ายหน้า บอกเอาเข้าจริงแฟชั่นที่ศิลปินเกาหลีใส่ ก็ยังเป็นแบบจากห้องเสื้อดังๆ ใน อิตาลี ฝรั่งเศส อังกฤษ อยู่ดี และเดินตามคอลเลคชั่นแฟชั่นใหม่ๆ ในปีนั้นตลอด เพียงแต่อาจจะมีการมิกซ์แอนด์แมทช์ ใส่อะไรเพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะกับคนเอเชียมากขึ้น

"ลองนึกดูว่าแบรนด์แฟชั่นเกาหลีดังๆ น่ะมีอะไรบ้าง?" พูลพงศ์ยกตัวอย่าง

ให้เวลาสักชั่วโมงก็อาจจะนึกไม่ออก

"อย่างกางเกงขาลีบนี่ก็มีมาก่อนนานแล้ว แต่จะเป็นอีกลุค สมัยก่อนบ้านเราเรียกว่าเป็นเด็กฮาร์ด ซึ่งภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้คนใส่ตามเทรนด์ ศิลปินเขาใส่ ก็มีส่วนมาเปลี่ยนให้ดูดี ประกอบกับเขามีอิทธิพลต่อวัยรุ่น"

ใครๆ ก็เลยใส่ตาม

ด้าน "ครูเฟีย-จุฑามาศ เขมะภาตะพัน" ครูสอนเต้นคัฟเวอร์แดนซ์ตามแบบศิลปินเกาหลีของโรงเรียนสอนเต้นรำ MDDC ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในกระแสนี้เช่นกัน บอกว่า เรื่องแบบนี้มันเป็นความนิยมของยุค

หากเอาเข้าจริงการเต้นแบบเกาหลีก็ไม่ได้ต่างจากการเต้นแบบอื่นๆ ที่โรงเรียนสอนเต้นในเมืองไทยสอนกันสักเท่าไร

"เพราะเบสิคการเต้นไม่ว่าที่ไหนในโลกมันก็อันเดียวกัน" เธอบอก

ขึ้นอยู่กับว่าคนสอนจะสอนได้ดีไหม หรือจับจุดไหนมาสอน เหมือนอย่างที่ MDDC เน้นสอน "คัฟเวอร์แดนซ์" จับท่าเต้นในเพลงดังๆ ของเกาหลีมาแบบเป๊ะๆ ทุกท่าถ่ายทอดให้ผู้สนใจ

"แต่ส่วนหนึ่งโปรดักชั่นของมิวสิคทำให้ภาพลักษณ์ศิลปินที่เต้นออกมาดูดี มีกระแสค่อนข้างมาก แต่จะว่าไปสไตล์เค-ป๊อป ก็ปกติทั่วไป คือท่าเต้นก็เหมือนกันทั้งนั้น บางท่าก็เป็นท่าโอลด์สคูล ท่าเก่าๆ เอากลับมาเต้นใหม่ด้วยซ้ำ"

อย่างไรก็ตาม ครูเฟียบอกว่าจุดสำคัญของการเต้นเกาหลีที่ใครๆ ยอมรับว่าดีเหลือเกินนั้น ไม่ได้อยู่ที่ท่าเต้น วิธีการหรือเทคนิคอะไรที่แปลกใจ แต่เกิดมาจากการซ้อมเต้นวันละ 12 ชั่วโมงต่างหาก

"ก็คิดดูที่นั่นศิลปินฝึกหัดมีเป็นพันๆ คน แต่ละคนก็ต้องต่อสู้ให้เตะตาเจ้าของค่าย แล้วต้องพรีเซ็นต์ตัวเองให้มากที่สุดเพื่อจะได้เป็นศิลปิน พวกเขาจึงต้องทะเยอทะยานสูงและซ้อมกันเยอะมาก ตัวเราเองไปสัมผัสมาตอนไปเรียนเต้นเค-ป๊อป เพื่อจะดูว่าเขาเรียนกันยังไง เจอเด็กอายุ 15 ที่เต้นเก่งจนอึ้ง ทั้งที่เพิ่งเรียนปีเดียว"

"แต่ไม่แปลกใจเลยพอไปเห็นเขาซ้อม" ครูเฟียว่า

ด้าน "วจี กัลย์จาฤก" ผู้บริหารบริษัท กันตนา ดราม่า สคูล ที่เปิดคอร์สสอนการแสดง โดยมีเงื่อนไขพิเศษคือพาเด็กที่ลงเรียนในคอร์สนี้ไปคัดตัวเข้าค่าย JYP ที่เกาหลี คอร์สนี้เธอว่าเกาหลีเป็นต้นคิด กันตนาเพียงแต่ได้รับการติดต่อจากบริษัททัวร์ที่เกาหลีและโรงเรียนสอนศิลปิน DTC แล้วก็ตกลงดำเนินการ

"แต่คอร์สนี้เราไม่ได้รับหมด จะดูความสามารถของที่น่าจะมีโอกาส เพราะไม่อยากให้ผู้ปกครองเสียเงินฟรี"

ในฐานะคนทำละครและอยู่ในวงการบันเทิงของเมืองไทย วจีมองว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้กระแสเกาหลีคือเรื่องของ "ความยาก"

"เด็กเราคุ้นกับนักแสดงไทย ศิลปินไทย ที่ไปตามห้างก็ได้เจอแล้วเวลามีอีเวนท์ ความที่เห็นง่าย สัมผัสง่าย อาจจะทำให้เบื่อเร็ว แต่เวลาศิลปินเกาหลีมา จะเป็นเทพ ตั้งรั้วลูกกรง มีบอดี้การ์ด 4-5 คน"

"ยิ่งยาก แฟนๆ ก็ยิ่งคลั่ง"

ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่เวลาศิลปินดังๆ ของเกาหลีมาบ้านเราที จะมีแฟนคลับไปนั่งรอตั้งแต่ตีห้า เพื่อจะได้อยู่แถวหน้าสุดตอนพวกเขาปรากฏตัวเวลา 1 ทุ่ม
...

รวมความแล้วความเป็นเกาหลีที่ขายกันอยู่ อาจไม่ได้เป็นมากไปกว่า อะไรสักอย่างที่ถูกผูกติดไว้กับศิลปิน ซึ่งก็ไม่ได้แปลกหรือแตกต่างจากของที่เราพบเจออยู่ในชีวิตประจำวัน

เพียงแต่ในแง่ของความรู้สึก พอแปะคำว่า "เกาหลี" เข้าไปก็ดูดี มีราคาขึ้น
"และอันที่จริงสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นการมิกซ์แอนด์แมทช์, ความขยันฝึกซ้อม และการโปรโมตวัฒนธรรมตัวเองอย่างต่อเนื่อง อาจจะเป็น "เกาหลี" มากกว่าอะไรทั้งหมด"

เรามองความเป็นเกาหลีที่ถูกนำมาขายกันเกลื่อนกลาดว่าอย่างไร?

คำตอบอยู่ที่เสื้อผ้า หน้าตาภายนอกหรือรู้ถึงวิธีคิดภายใน

"อะไรที่ควรเป็น "เกาหลี" สำหรับเรา"

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรื่องเกาหลี ที่อยากให้ทุกคนรู้

เรื่องเกาหลี ที่อยากให้ทุกคนรู้

แน่นอนว่าเดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็เกาหลี ทุกคนล้วนให้ความสนใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นดาราเกาหลี ศิลปินนักร้องเกาหลี ซีรีย์เกาหลีเรื่องดัง หรือแม้แต่การท่องเที่ยวที่ประเทศเกาหลี แต่จะมีสักกี่คนกันนะ ที่รู้ลึกรู้จริงยิ่งกว่าแค่เปลือกนอกว่ายังมีเรื่องน่ารู้ที่เชื่อว่าอีกหลายๆ คนยังไม่รู้ วันนี้ Knock Knock! ได้รวบรวมมาให้ทุกคนได้อ่านกันแล้ว เปิดสมองให้กว้างๆ แล้วไปลุยกันเลย

- ชุดประจำชาติของเกาหลีเรียกว่าชุด ฮันบก คนเกาหลีมักจะใส่ชุดฮันบกในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น งานแต่งงาน, วันซอลนัล (ขึ้นปีใหม่) , วันชูซก (วันขอบคุณพระเจ้า) เป็นต้น

- ต้นไม้ประจำชาติของประเทศเกาหลีคือ ต้นทงแบก (ต้นแป๊ะก๊วย)

- ภาษาเกาหลี มีตัวอักษรเกาหลีที่เรียกว่า ฮันกึล ประกอบด้วยสระ 10 ตัว และพยัญชนะ 14 ตัว

- การทักทายและการกล่าวคำขอบคุณเป็นเรื่องที่คนเกาหลีให้ความสำคัญมาก เวลากล่าวคำทักทายและขอบคุณคนเกาหลีมักก้มหัวคำนับเสมอ การโค้งหัวต่ำระดับไหนก็ขึ้นอยู่กับความอาวุโสของอีกฝ่าย

- ที่ประเทศเกาหลีจะไม่ค่อยเห็นว่ามีสุนัขเดินเพ่นพ่านตามถนนเลย เพราะค่าเลี้ยงดูสุนัขที่เกาหลีแพงมากๆ และถ้าจูงสุนัขไปเดินเล่นตามถนนที่เกาหลี ถ้าสุนัขอึออกมา เราต้องเก็บทำความสะอาดเอง ไม่งั้นต้องเสียค่าปรับ

- ตามร้านมินิมาร์ทที่เกาหลี เวลาไปซื้อของเขาจะไม่ใส่ถุงให้ ทั้งนี้เพื่อช่วยรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติก หากต้องการถุง เขาจะคิดเงินเพิ่ม 100 วอน หรือประมาณ 4 บาทไทย

- ถ้าไปพักโรงแรมที่ประเทศเกาหลีในช่วงฤดูหนาว เขาจะไม่เปิดแอร์เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน อีกอย่างอากาศมันเย็นสบายอยู่แล้ว

- ที่ประเทศเกาหลีจะไม่ค่อยเห็นตำรวจยืนอยู่ตามสี่แยกไฟแดงเหมือนบ้านเรา เพราะเขามีระบบตรวจจับคนที่ขับรถผิดกฎจราจร และทางตำรวจจะส่งหลักฐานมาถึงบ้านแจ้งเรื่อง ความเร็ว, เวลา, ทะเบียนรถ และต้องไปเสียค่าปรับที่โรงพักเอง

- คนเกาหลีจะไม่ทิ้งขยะบนท้องถนนเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะถูกปรับแพงมากๆ ประมาณ 1,200 บาทไทย คนเกาหลีจึงนิยมเก็บขยะกลับไปทิ้งที่บ้านของตัวเอง

- สาเหตุที่ชาวต่างชาติเรียกประเทศเกาหลีว่า "โคเรีย" นั้นก็มาจากชื่ออาจักโคเรียว จากนั้นเสียงก็เพี้ยนมาเป็น โคเรีย

- คนเกาหลีจะเรียกคนทั่วๆ ไปตามเพศ (เขาจะไม่เรียก พี่คนนั้น ป้าคนนี้เหมือนบ้านเรา) แต่จะเรียกตามเพศ ผู้ชาย เรียกว่า "อาจอชี" ผู้หญิงแต่งงานแวรัยกว่า "อาจุมม่า" ผู้หญิงยังไม่แต่งงานเรียกว่า "อาคะชี"

- บ้านของชาวเกาหลีส่วนใหญ่จะวางผังบ้านเป็นรูปตัว L หรือตัว U และมีการฝังท่อน้ำไว้ใต้บ้าน สำหรับหน้าหนาวตามพื้นบ้านก็จะอุ่น เหมือนเปิดฮีตเตอร์แบบนั้นเลย

- เมื่อผู้หญิงกับผู้ชายเกาหลีแต่งงานกันแล้ว หลังแต่งงานฝ่ายชายต้องไปอาศัยอยู่ที่บ้านฝ่ายหญิง 2-3 วัน หลังจากนั้นค่อยย้ายไปบ้านฝ่ายชาย

- Hunkuj University of Foreign Studies เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เปิดสอนวิชาภาษาไทยในเกาหลี

- ที่ประเทศเกาหลีไม่มีสะพานลอยให้ข้ามถนน (ถ้ามีก็น้อยมาก) แต่เขาจะสร้างอุโมงค์ลอดใต้ถนน และในอุโมงค์ก็จะเป็นเหมือนตลาดย่อมๆ มีของขายมากมาย อาทิ กระเป๋า เสื้อผ้า ของกระจุกกระจิกต่างๆ ฯลฯ

- รถยนต์ในประเทศเกาหลีร้อยละ 99 เป็นรถที่ผลิตในประเทศเขาเอง เช่น ฮุนได, แดวู, เกีย เป็นต้น

- ประเทศเกาหลีผลิตรถยนต์ได้มากเป็นอันดับที่ 6 ของโลกเลยนะ!

- กีฬาประจำชาติของคนเกาหลีคือ "ซีรึม" หรือมวยปล้ำแบบเกาหลีนั่นเอง

- เมืองหลวงของประเทศเกาหลี คือกรุงโซล และเมืองที่ใหญ่อันดับสองรองจากโซลคือเมืองพูซาน

- ที่ประเทศเกาหลีเขาไม่นิยมให้ทิปตามร้านค้า ร้านอาหาร เพราะสินค้าและบริการต่างๆ จะบวกภาษีรวมไว้แล้ว 10 % นั่นเอง

- ประเทศเกาหลีเปิดใช้รถไฟฟ้าใต้ดินครั้งแรกในปี 1974 รวมเวลาถึงตอนนี้ก็เปิดมาแล้ว 33 ปี

- คู่บ่าวสาวของเกาหลี เมื่อแต่งงานกันแล้ว นิยมไปฮันนีมูนกันที่เกาะเชจู ซึ่งเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงมากในเกาหลี

- KBS เป็นสถานีโทรทัศน์ครบวงจรแห่งแรกของเกาหลี

- หนังสือพิมพ์ที่คนเกาหลีนิยมอ่านมากที่สุดคือ "ดองนิบ ซินมุม" หรือหนังสือพิมพ์อิสระ

- เพลง อารีรัง เป็นเพลงเก่าแก่ของเกาหลีที่ดังมากๆ ว่ากันว่าเป็นเพลงที่แสดงถึงความรักระหว่างทหารเกาหลีกับสาวไทย

- แท็กซี่ที่เกาหลีจะมี 2 แบบ แบบแรกจะเป็นราคาปกติและตอนดึก จะเปิดรับผู้โดยสารที่ไปทางเดียวกันร่วมไปด้วย แต่ถ้าเป้นแท็กซี่แบบสีดำ จะแพงกว่าแต่ไม่รับผู้โดยสารอื่น และที่นั่นมีกฎหมายให้นั่งได้แค่ 4 คนเท่านั้น

- คนเกาหลีนิยมฝังศพคนตาย โดยหันหัวศพไปทางทิศเหนือ ไม่เหมือนประเทศไทยที่หันหัวศพไปทางทิศตะวันตก

- ผู้ชายเกาหลีทุกคนต้องไปเป็นทหารเป็นเวลา 2 ปีเต็ม โดยไม่มีข้อยกเว้น เมื่อมีอายุครบ 20 ปี

- ชาวเกาหลีจะมีชื่อสกุลจำกัดอยู่ไม่กี่กลุ่มชื่อ เช่น คิม 21% , ยี - ลี - รี 14% และ 8% มีชื่อสกุลว่า ปาร์ค นอกนั้นก็จะแตกออกไปเป็น ชอย, แช, เจิง, ชุง, ชาง, ฮัน, ลิม เป็นต้น ชื่อเต็มของคนเกาหลีประกอบด้วยชื่อสกุล 1 พยางค์ และชื่อหน้า 2 พยางค์

- เมื่อต้องการกวักมือเรียกคนอื่นนั้น ให้คว่ำมือลงแล้วค่อยกวักเรียกโดยให้นิ้วชิดกัน การกวักมือเรียกโดยหงายฝ่ามือขึ้นคนเกาหลีถือว่าไม่สุภาพ ถ้าใช้นิ้วกวักเรียก จะเหมือนเป็นการเรียกสุนัข ห้ามทำแบบนี้เด็ดขาดที่เกาหลี

- ดอกไม้ประจำชาติเกาหลีคือ ดอกมูกุงฮวา หรือ โรส ออฟ ชารอน ซึ่งจะบานสะพรั่งทั่วประเทศระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม

- ธงประจำชาติเกาหลีเรียกว่า แทกึกกี้ สัญลักษณ์สี่อย่างที่อยู่แต่ละมุม คือ สวรรค์, โลก, ไฟ และน้ำ

- มีอยู่ 3 อย่างที่เรามักจะไม่เห็นตามท้องถนนของประเทศเกาหลีคือ 1.ตำรวจ 2. ถังขยะ 3. สุนัข

- เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของภูมิประเทศเกาหลีเป็นภูเขาล้อมรอบ

-เวลาดื่มเหล้าโชจู ผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดต้องเป็นคนรินเหล้าให้คนที่มีอายุมากกว่าเสมอ

- กิจกรรมหลังเลิกงานที่ฮิตที่สุดในกลุ่มของผู้ชายเกาหลีคือ ดื่มเหล้าและไปต่อกันที่คาราโอเกะ

- ที่นั่นจะมีโรงอาบน้ำเรียกว่าจิมจิบัง ซึ่งสามารถไปนอนค้างได้ด้วย

- ประเทศเกาหลีมีขนาดเล็กกว่าประเทศไทย 5 เท่า

วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Choi Si Won (ชอย ซีวอน)


ชื่อจริง : Choi Siwon (ชอย ชีวอน)

อาชีพ : นักร้อง นักเต้น นักแสดง นายแบบ

น้ำหนัก : 65 กิโลกรัม

กรู๊ปเลือด : B

การศึกษา : โรงเรียนมัธยม Hyun Dae

งานอดิเรก : เทควันโด, ร้องเพลง

ความสามารถพิเศษ : พูดภาษาจีนกลางได้ การแสดง ตีกลอง

เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง : ปี 2003 โดย Starlight Casting System

ผลงานละคร : MBC 'Legend of Hyang Dan' (2007)

Spring Waltz' (2006)

SBS 'I Like Sunday' - X Man (ตค. 2005)

SBS 'Curious Human Being' (กย. 2005)

KBS '18 vs 29' (2006)

KBS 'A boy from a charnel house' (กย.2005)

KBS ' Letter to My Parent' (พค.2005)

ผลงานภาพยนตร์ : Attack On The Pin-Up Boys (2007)

'Battle of Wits' แสดงคู่กับหลิวเต๋อหัว (2006)

ผลงานโฆษณา : 12 Plus (2007-2008)

โยเกิร์ต 'Viyotte' (สค.2005)

เครื่องแบบนักเรียน 'Elite' (กย.2004)

เป๊ปซี่ กับดาราเอเชียล่าสุด (2009)
ผลงานอื่นๆ : ร่วมอยู่ในกลุ่ม Super Junior M (2008)

แสดงในมิวสิควีดีโอเพลง 'Timeless fear.Xizh (TVXQ!) ของ "จาง ลี อิน"

แสดงในมิวสิควีดีโอเพลง 'I Will' ของ "จาง ลี อิน"

แสดงในมิวสิควีดีโอเพลง 'Lovers' ของ "จาง ลี อิน"

แสดงในมิวสิควีดีโอเพลง 'What is Love' ของ Dana (ตค. 2003)

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ประวัติดาราเกาหลี ยูน อึนเฮ

ประวัติดาราเกาหลี


Yoon Eun Hye (ยูน อึนเฮ) วันเกิด : 3 ตุลาคม 2527
ส่วนสูง : 168 เซนติเมตร

ยูนอึนเฮ เป็นทั้งนักแสดงเเละนักร้องสาว ที่กำลังโด่งดังมากที่สุดในเกาหลีเวลานี้ เธอเริ่มเข้าวงการครั้งแรก จากการรวมตัวกันของห้าสาวมากความสามารถ ในนามของวง Baby V.O.X ยูนอึนเฮเข้ามาเป็นสมาชิกของวงในอัลบั้มชุดที่สามของ Baby V.O.X หลังจากที่สมาชิกชุดแรกจำนวนสามคนลาออกจากวงไป และก็ทำให้เธอกลายเป็นสมาชิกของวงที่มีอายุน้อยที่สุด ด้วยอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นมายูนอึนเฮก็ออกอัลบั้มร่วมกับเพื่อนในวงถึง 5 ชุดด้วยกัน แต่ในเดือนกรกฎาคมปี 2005 เธอก็ตัดสินใจลาออกจากวงในที่สุด ภาพลักษณ์ของเธอนั้น เป็นเด็กสาวที่สดใสร่าเริง แถมยังมีความน่ารักอยู่ในตัวสูงอีกด้วย แต่ในช่วงของการพักงานเพลงนั้น เธอก็มีปัญหาในเรื่องของน้ำหนัก ทำให้อึนฮเยกลุ้มใจกับเรื่องนี้มาก จนเธอต้องทำการออกกำลังกายเป็นครั้งใหญ่ เพื่อให้หุ่นกลับมาสวยงามเหมือนเดิม


ในส่วนของงานแสดงนั้น ยูนอึนเฮเริ่มต้นการแสดงจากบทบาทเล็กๆ ในละครเรื่อง Rainbow Romance โดยเธอได้รับบทเป็นแฟนเก่าของอีมินกิ ต่อจากนั้นเธอก็ปรากฎตัวในฐานะพิธีกรของรายการ X-Man ทางช่อง SBS และในรายการนี้นั่นเองที่ทำให้เกิดข่าวคราวกุ๊กกิ๊กหวานแหวว ของเธอกับนักร้องหนุ่มร่างบึก คิมจองคุก จนกลายเป็นกระแสที่ทำให้ทั้งคู่ต้องมาเล่นมิวสิกวิดีโอเพลง This Say I Love You ร่วมกัน หลังจากนั้นในช่วงต้นปี 2006 อึนเฮก็หันมารับงานแสดงแบบเต็มตัวเป็นครั้งแรกในละครเรื่อง Princess Hours ซึ่งก็กลายเป็นละครที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนทำให้ช่วงกลางปีเดียวกัน อึนเฮจึงมีงานแสดงละครเรื่องใหม่ต่อในทันที จากละครเรื่อง The Vineyard Man ทางช่อง KBS นอกจากนั้นเธอก็มีผลงานหนังตลกร่วมกับอันแจอุกจากเรื่อง The Legend of Seven Cutter แต่ตัวหนังกลับไม่ได้รับความนิยมมากเท่าใดนัก

วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เทรนด์การแต่งหน้าจากเมคอัพเกาหลี

ถึงแม้กระแสละครเกาหลีจะเบาบางแต่นักร้องหรือดาราวัยละอ่อนของเกาหลียังครองใจหนุ่มสาววัยใสอีกเพียบ และเมื่อชอบความสวยความหล่อแบบเกาหลีก็แน่นอนว่า เสื้อผ้า หน้า ผม แบบเกาหลียังฮอตฮิตสุดๆ


สำหรับ หนุ่มสาวแฟชั่นนิสต้า ของไทย ดังนั้นเครื่องสำอางค์แมคจึงเชื้อเชิญ ซีเนียร์เมคอัพอาร์ติสต์ของแมคในเกาหลี "มีหยองซุก" ที่มีโอกาสบรรเลงฝีแปรงบนใบหน้าดาราดังของเกาหลี และดาราดังในฮอลลีวู้ดอย่างนับไม่ถ้วนมาแล้ว มาเปิดตัวสีสันในคอลเลกชั่นล่าสุด ที่ทีซีดีซี เมื่อวันก่อน

เปิดตัว มีหยองซุก ได้ออกมาบอกเล่า เทรนด์ การแต่งหน้า แบบเกาหลี้...เกาหลีว่าสาวเกาหลีนะไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ขอเพียงอย่างเดียวคือ การบรรเลงฝีแปรงบนใบหน้าของสาวๆ คนดังเหล่านั้นต้องให้ดูเด็ก ดูอ่อนวัยที่สุด แม้ตีนกาจะขึ้นกระจายทั่วหน้าก็ต้องหาเทคนิคมาปกปิดไม่ให้เห็นสักเส้น และประเด็นสำคัญสำหรับ การแต่งหน้า ของสาวๆ เกาหลี ซึ่งเป็น เทรนด์ การแต่งหน้า ในช่วงนี้ คือ การแต่งหน้าต้องเนียนใสและเน้นผิวพรรณอย่างแท้จริง ดังนั้น กรรมวิธีในการแต่งหน้าของสาวเกาหลีจึงให้ความสำคัญแก่การดูแลผิวพรรณเป็นอย่างมาก โดยสาวจากประเทศอื่นๆ อาจจะใช้ครีมบำรุงผิวหน้าเพียง 2 หรือ 3 ขั้นตอน แต่สาวเกาหลีต้อง 7-8-9 ขั้นตอน และใช้เวลานานกับการทาผลิตภัณฑ์ต่างๆ เหล่านั้น

หลังบอกเทคนิคความสวยตามสไตล์สาวเกาหลีกันไปแล้วเธอก็เปิดเผยถึงเทรนด์สีสันบนใบหน้าในคอลเลกชั่นสปริง-ซัมเมอร์ 2009 เริ่มจาก ลุค Artifice ซึ่งเป็นลุคการแต่งหน้าแบบสนุกสนานแปลกตา แตกต่าง เน้นการเล่นกับสีสันของเมคอัพแบบไร้ขีดจำกัด เพื่อให้สาวๆ สวยและดูดีแบบเฟรชลุค ลุค Hydraluminous จะตรงกันข้ามกับลุคอื่นๆ ที่จะใช้เอฟเฟกท์ตกกระทบของแสงและเทคเจอร์ของเมคอัพมาเป็นพระเอก แทนการใช้สีสันของเมคอัพเพื่อสร้างสรรค์ลุด ให้ความสำคัญกับการสะท้อนและเล่นกับแสงเพื่อให้เกิดลุคที่มีมิติที่สวยงามและแตกต่าง


ลุค Black to Earth โดดเด่นด้วยการแต่งแต้มดวงตาด้วยโทนสีดำหลากเฉดหรือที่รู้จักกันคือสโมคกี้ อาย แต่คราวนี้ไม่ต้องการความเนี้ยบ เฉียบ ตรงกันข้ามจะต้องลากอายไลเนอร์ให้เส้นไม่ต้องคมชัด ดูเลอะเทอะแบบไม่ตั้งใจ ด้วยโทนสีดำเงาเหลือบประกายแร่ธาตุมิเนอรัล มีการใช้เส้นลายเนอร์เนื้อครีมที่เขียนแบบเพลินๆ นะใช่เลย ลุค R-evolutionarty Nature เธอดูดีมีเสน่ห์ ดูแพง แต่ยังคงดูเป็นธรรมชาติ เป็นการแต่งหน้าที่เน้นโทนสีอบอุ่นของป่าอะเมซอน ดูเป็นสาวชนเผ่า ผิวสีแทน ด้วยการใช้พิกเมนต์โทนสีกลางเพื่อเน้นโครงการหน้าที่คมชัด


 ปิดท้ายที่ ลุค Tendertone เป็นลุคการแต่งหน้าที่ใช้โทนสีลูกกวาด เช่น สีพาสเทลอ่อนหวานมาใช้เน้นความเป็นเฟมินีนของหญิงสาวกว่าลุคไหนๆเป็นลุคที่ทำให้ผู้หญิงดูเป็นผู้หญิงมากยิ่งขึ้น หยิบสีม่วงไลแลค สีชมพูหวานมาร์ชเมลโล สีส้มพีชเชอร์เบท อย่างนี้ก็จะกลายเป็นหญิงสาวในฝันดั่งเทพนิยายกันได้เลยทีเดียว

Appreciate for คม ชัด ลึก