Bookmark and Share

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ทำไม? อะไรๆ ก็ต้อง...เกาหลี


ชั่วโมงนี้ปฏิเสธไม่ได้อะไร-อะไรก็เอาความเป็นเกาหลีขาย ร้านตัดผมเกาหลี โรงเรียนสอนเต้นท่าแบบศิลปินเกาหลี ร้านเสื้อผ้าเกาหลี บริษัททัวร์ก็ทัวร์เกาหลี รายการโทรทัศน์ก็เกาหลี น่าแปลกที่คำว่า "เกาหลี" ทำไมถึงไปผูกอยู่กับคำว่า เป็น แฟชั่น, ทันสมัย ฯลฯ

ทำไมเกาหลีประสบความสำเร็จในสินค้าทางด้านวัฒนธรรมป๊อป และลามไปตามสินค้าแฟชั่นต่างๆ ถึงขนาดนี้

"พูลพงศ์ สมิทธิ์ศราการย์" เจ้าของร้าน JNBY ซึ่งนำเข้าเสื้อผ้าจากเกาหลีในห้างดังอย่างสยามเซ็นเตอร์ ตอบแบบไม่ต้องคิดว่าเป็นเพราะความสำเร็จของศิลปินเป็นหลัก

ถ้าถามว่าอะไรเป็นแฟชั่นเกาหลี พูลพงศ์ว่านี่เป็นเรื่องที่ตอบยากเล็กน้อย แต่ที่แน่ๆ เอกลักษณ์สำคัญคือแฟชั่นเกาหลีนั้นจะเน้นรูปร่างหน่อย (ดังนั้นใครรูปร่างไม่ดี พูลพงศ์บอกว่าอย่าใส่เสื้อผ้าพวกนี้จะดีกว่า) คนใส่อาจใส่เสื้อผ้าไม่กี่ชิ้น แต่จะพยายามเล่นกับชิ้นงาน อย่างมีการติดเครื่องประดับ มีการทำให้ขาด และก็ไม่กลัวที่จะใส่สีตัดกัน

แต่ถ้าจะถามว่าเกาหลีเป็นผู้นำแฟชั่นไหม พูลพงศ์ส่ายหน้า บอกเอาเข้าจริงแฟชั่นที่ศิลปินเกาหลีใส่ ก็ยังเป็นแบบจากห้องเสื้อดังๆ ใน อิตาลี ฝรั่งเศส อังกฤษ อยู่ดี และเดินตามคอลเลคชั่นแฟชั่นใหม่ๆ ในปีนั้นตลอด เพียงแต่อาจจะมีการมิกซ์แอนด์แมทช์ ใส่อะไรเพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะกับคนเอเชียมากขึ้น

"ลองนึกดูว่าแบรนด์แฟชั่นเกาหลีดังๆ น่ะมีอะไรบ้าง?" พูลพงศ์ยกตัวอย่าง

ให้เวลาสักชั่วโมงก็อาจจะนึกไม่ออก

"อย่างกางเกงขาลีบนี่ก็มีมาก่อนนานแล้ว แต่จะเป็นอีกลุค สมัยก่อนบ้านเราเรียกว่าเป็นเด็กฮาร์ด ซึ่งภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้คนใส่ตามเทรนด์ ศิลปินเขาใส่ ก็มีส่วนมาเปลี่ยนให้ดูดี ประกอบกับเขามีอิทธิพลต่อวัยรุ่น"

ใครๆ ก็เลยใส่ตาม

ด้าน "ครูเฟีย-จุฑามาศ เขมะภาตะพัน" ครูสอนเต้นคัฟเวอร์แดนซ์ตามแบบศิลปินเกาหลีของโรงเรียนสอนเต้นรำ MDDC ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในกระแสนี้เช่นกัน บอกว่า เรื่องแบบนี้มันเป็นความนิยมของยุค

หากเอาเข้าจริงการเต้นแบบเกาหลีก็ไม่ได้ต่างจากการเต้นแบบอื่นๆ ที่โรงเรียนสอนเต้นในเมืองไทยสอนกันสักเท่าไร

"เพราะเบสิคการเต้นไม่ว่าที่ไหนในโลกมันก็อันเดียวกัน" เธอบอก

ขึ้นอยู่กับว่าคนสอนจะสอนได้ดีไหม หรือจับจุดไหนมาสอน เหมือนอย่างที่ MDDC เน้นสอน "คัฟเวอร์แดนซ์" จับท่าเต้นในเพลงดังๆ ของเกาหลีมาแบบเป๊ะๆ ทุกท่าถ่ายทอดให้ผู้สนใจ

"แต่ส่วนหนึ่งโปรดักชั่นของมิวสิคทำให้ภาพลักษณ์ศิลปินที่เต้นออกมาดูดี มีกระแสค่อนข้างมาก แต่จะว่าไปสไตล์เค-ป๊อป ก็ปกติทั่วไป คือท่าเต้นก็เหมือนกันทั้งนั้น บางท่าก็เป็นท่าโอลด์สคูล ท่าเก่าๆ เอากลับมาเต้นใหม่ด้วยซ้ำ"

อย่างไรก็ตาม ครูเฟียบอกว่าจุดสำคัญของการเต้นเกาหลีที่ใครๆ ยอมรับว่าดีเหลือเกินนั้น ไม่ได้อยู่ที่ท่าเต้น วิธีการหรือเทคนิคอะไรที่แปลกใจ แต่เกิดมาจากการซ้อมเต้นวันละ 12 ชั่วโมงต่างหาก

"ก็คิดดูที่นั่นศิลปินฝึกหัดมีเป็นพันๆ คน แต่ละคนก็ต้องต่อสู้ให้เตะตาเจ้าของค่าย แล้วต้องพรีเซ็นต์ตัวเองให้มากที่สุดเพื่อจะได้เป็นศิลปิน พวกเขาจึงต้องทะเยอทะยานสูงและซ้อมกันเยอะมาก ตัวเราเองไปสัมผัสมาตอนไปเรียนเต้นเค-ป๊อป เพื่อจะดูว่าเขาเรียนกันยังไง เจอเด็กอายุ 15 ที่เต้นเก่งจนอึ้ง ทั้งที่เพิ่งเรียนปีเดียว"

"แต่ไม่แปลกใจเลยพอไปเห็นเขาซ้อม" ครูเฟียว่า

ด้าน "วจี กัลย์จาฤก" ผู้บริหารบริษัท กันตนา ดราม่า สคูล ที่เปิดคอร์สสอนการแสดง โดยมีเงื่อนไขพิเศษคือพาเด็กที่ลงเรียนในคอร์สนี้ไปคัดตัวเข้าค่าย JYP ที่เกาหลี คอร์สนี้เธอว่าเกาหลีเป็นต้นคิด กันตนาเพียงแต่ได้รับการติดต่อจากบริษัททัวร์ที่เกาหลีและโรงเรียนสอนศิลปิน DTC แล้วก็ตกลงดำเนินการ

"แต่คอร์สนี้เราไม่ได้รับหมด จะดูความสามารถของที่น่าจะมีโอกาส เพราะไม่อยากให้ผู้ปกครองเสียเงินฟรี"

ในฐานะคนทำละครและอยู่ในวงการบันเทิงของเมืองไทย วจีมองว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้กระแสเกาหลีคือเรื่องของ "ความยาก"

"เด็กเราคุ้นกับนักแสดงไทย ศิลปินไทย ที่ไปตามห้างก็ได้เจอแล้วเวลามีอีเวนท์ ความที่เห็นง่าย สัมผัสง่าย อาจจะทำให้เบื่อเร็ว แต่เวลาศิลปินเกาหลีมา จะเป็นเทพ ตั้งรั้วลูกกรง มีบอดี้การ์ด 4-5 คน"

"ยิ่งยาก แฟนๆ ก็ยิ่งคลั่ง"

ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่เวลาศิลปินดังๆ ของเกาหลีมาบ้านเราที จะมีแฟนคลับไปนั่งรอตั้งแต่ตีห้า เพื่อจะได้อยู่แถวหน้าสุดตอนพวกเขาปรากฏตัวเวลา 1 ทุ่ม
...

รวมความแล้วความเป็นเกาหลีที่ขายกันอยู่ อาจไม่ได้เป็นมากไปกว่า อะไรสักอย่างที่ถูกผูกติดไว้กับศิลปิน ซึ่งก็ไม่ได้แปลกหรือแตกต่างจากของที่เราพบเจออยู่ในชีวิตประจำวัน

เพียงแต่ในแง่ของความรู้สึก พอแปะคำว่า "เกาหลี" เข้าไปก็ดูดี มีราคาขึ้น
"และอันที่จริงสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นการมิกซ์แอนด์แมทช์, ความขยันฝึกซ้อม และการโปรโมตวัฒนธรรมตัวเองอย่างต่อเนื่อง อาจจะเป็น "เกาหลี" มากกว่าอะไรทั้งหมด"

เรามองความเป็นเกาหลีที่ถูกนำมาขายกันเกลื่อนกลาดว่าอย่างไร?

คำตอบอยู่ที่เสื้อผ้า หน้าตาภายนอกหรือรู้ถึงวิธีคิดภายใน

"อะไรที่ควรเป็น "เกาหลี" สำหรับเรา"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น